เฉดเขียวเข้มของต้นสนแห่งหุบเขา Vallée de Joux หยั่งรากลึกลงใน Villeret Collection

Watch Update
จากความสำเร็จครั้งก่อนในการรังสรรค์เรือนเวลาในคอมพลิเคชั่น Perpetual Calendar (ปฏิทินถาวร) Blancpain (บลองแปง) มีความยินดีที่จะนำเสนอนาฬิกาในรุ่น Villeret Extraplate (วิเลอเรต์ เอ็กซ์ตราเปลต), Quantième Complet (กองเตียม กงเพลต์), Quantième Phases de Lune (กองเตียม ฟาสส์ เดอ ลูน) และ Tourbillon Carrousel (ตูร์บิยอง การ์รูเซล) พร้อมหน้าปัดที่มีการขัดแต่งลวดลาย sunburst ในเฉดสีเขียวซึ่งได้แรงบันดาลใจจากมวลหมู่ต้นสนแห่งหุบเขา Vallée de Joux (วัลเลย์ เดอ ฌูซ์) ที่รายล้อมบริเวณโรงงานของแบรนด์ในเมือง Le Brassus (เลอ บราซูส์) จากโมเดลนาฬิกาในรุ่นที่เรียบง่ายแต่โดดเด่นไปจนถึงรุ่นที่มีความความซับซ้อนทางเทคนิคขั้นสูง Blancpain ได้สะท้อนเสียงประวัติศาสตร์ของตนเองให้ดังขึ้นด้วยการนำผืนป่าของหุบเขามาใส่ไว้ในคอลเลคชั่นนั่นเอง
╔═══════════╗
กดรับข่าวสารก่อนใครที่นี่
LINE : @crazydial
╚═══════════╝
คอลเลคชั่น Villeret ชวนให้นึกถึงความหรูหราที่เหนือกาลเวลา โดดเด่นด้วยดีไซน์แสนบริสุทธิ์และความซับซ้อนทางด้านเทคนิคของระบบกลไก และเพื่อเป็นการตอกย้ำความสำคัญของโลกธรรมชาติที่อยู่รอบตัว Blancpain ได้เผยโฉมเรือนเวลาโมเดลใหม่ภายใต้คอลเลคชั่นในเฉดสีเขียวสุดงดงาม ซึ่งเมื่อตัดกับตัวเรือนแบบสองระดับในวัสดุเรดโกลด์ 18K ก็ยิ่งสวยงามจับใจ ลักษณะทั้งหมดนี้มาพร้อมกับคุณสมบัติเชิงเทคนิคที่พิเศษรวมทั้งความงามสุดวิจิตรทำให้นาฬิกาในคอลเลคชั่นนี้มีความพิเศษเหนือใคร
Villeret Extraplate
Villeret Extraplate เป็นนาฬิกาที่เน้นความเรียบง่ายแต่หรูหรา โดยเน้นการบอกเวลาเป็นสำคัญ (ชั่วโมง นาที และวินาที) และได้มีการเพิ่มฟังก์ชั่นวันที่ลงไปเท่านั้น ทำให้หน้าปัดนาฬิกามีพื้นที่เหลือเฟือในการแสดงเฉดสีเขียวที่ดูสบายตา เรือนเวลาขึ้นระบบนลานอัตโนมัติเรือนนี้มีดีไซน์ที่เรียบง่าย สะท้อนถึง DNA ของคอลเลคชั่น Villeret โดยรูปลักษณ์ที่เรียบง่ายนั้นแฝงไว้ด้วยความซับซ้อนที่ซ่อนอยู่ใต้หน้าปัด ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 1151 แบบบางพิเศษ (วัดได้เพียง 3.37 มม.) มาพร้อมตัวเรือนเรดโกลด์ 18K ขนาด 40 มม. ซึ่งหนาเพียง 8.7 มม. เท่านั้น แม้ว่าจะมีความบางจนน่าทึ่ง Villeret Extraplate กลับสำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 100 ชั่วโมง ด้วยการทำงานของตลับลานคู่
Villeret Extraplate
Villeret Quantième Phases de Lune
ด้วยความงดงามของฟังก์ชั่น moon phase อันเลื่องชื่อของ Blancpain ทำให้เรือนเวลา Villeret Quantième Phases de Lune เปล่งประกายชวนฝันโดดเด่น มาพร้อม beauty spot (อ้างอิงถึงภาษาฝรั่งเศสที่ใช้คำว่า mouche ซึ่งมีความหมายว่าแมลงวัน) ที่บริเวณมุมปากของ moon phase เวอร์ชั่นใบหน้าของสุภาพสตรีพร้อมเปลือกตาที่ปิดสนิทและขนตายาวสวยเติมความมีชีวิตชีวาให้กับนาฬิกา ทั้งยังดูกลมกลืนเข้ากันได้อย่างลงตัวกับวงจรของดวงจันทร์ที่มาพร้อมขอบวงแหวนบอกวันที่และเข็มทรงจันทร์เสี้ยว และเพื่อให้ล้อไปกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว หน้าปัดและตัวเรือนจึงโดดเด่นเปล่งประกายด้วยเพชรเจียระไนน้ำหนักรวมเกือบ 1 กะรัต และยังมีลายขัด sunburst ที่ประณีตประดับอยู่บนหน้าปัดสีเขียวใหม่อีกด้วย โดยสีเขียวที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายนี้ยังถูกนำไปใช้กับสายนาฬิกาที่เข้าคู่กัน เรือนเวลานี้จึงเปล่งประกายงดงามทั้งกลางวันและกลางคืน ผลงานการสร้างสรรค์ที่เก็บรวมเอาความชำนาญของช่างไว้อย่างเข้มข้นชิ้นนี้มาพร้อมกับกลไกขึ้นลานอัตโนมัติ 913QL.P ที่ประกอบไว้ในตัวเรือนเรดโกลด์ 18K ขนาด 33.20 มม.
Villeret Quantième Phases de Lune
Villeret Quantième Complet
Villeret Quantième Complet นำระบบ complete calendar (ปฏิทินแบบสมบูรณ์) มารวมไว้กับการแสดงข้างขึ้นข้างแรม หรือ moon phase ได้อย่างลงตัวซึ่งเป็นดั่งความมหัศจรรย์ด้านกลไก เรือนเวลาเรดโกลด์ 18K ขนาด 40 มม. เรือนนี้มีการแสดงวันที่ วันของสัปดาห์ และเดือน ผ่านวงแหวนวันที่ และช่องที่ทำขึ้นเฉพาะสองช่องที่ผ่านการจัดวางองค์ประกอบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อให้มั่นใจถึงความสมดุลเชิงความสวยงาม และให้แน่ใจว่าจะสามารถอ่านค่าข้อมูลได้อย่างง่ายดาย หน้าปัดสีเขียวใหม่ที่ดูนุ่มลึกตัดกับเข็มและหลักบอกชั่วโมงจากวัสดุเรดโกลด์ ทำให้อ่านเวลาได้ง่ายยิ่งกว่าเคย ทั้งยังให้ความรู้สึกอบอุ่นที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย กลไก Calibre 6654 มีการติดตั้งระบบเพื่อป้องกันติดขัดในการทำงานของระบบปฏิทินทำให้ผู้สวมใส่สามารถตั้งค่าปฏิทินได้ทุกเวลาตามต้องการ ผ่านคันโยกเล็ก ๆ ใต้ขาตัวเรือนที่ Blancpain ได้จดสิทธิบัตรเฉพาะไว้ โดยทำงานอย่างง่ายดายด้วยการใช้ปลายนิ้วสัมผัส
Villeret Quantième Complet
Villeret Tourbillon Carrousel
tourbillon และ carrousel (หรือสะกดว่า karussel) คือหนึ่งในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่มีเป้าหมายในการลดผลกระทบจากแรงโน้มถ่วงของโลกที่มีต่อการทำงานของกลไกนาฬิกา ตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในโลกช่วงปี 2013 Villeret Tourbillon Carrousel ก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ Blancpain ในการรังสรรค์กลไกชิ้นเอกที่มีความซับซ้อนอย่างที่สุดให้เป็นที่ประจักษ์ โดยการติดตั้ง regulator สองตัวไว้บนนาฬิกาข้อมือภายใต้กลไก Calibre 2322 โดยมี flying tourbillon ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา และ flying carrousel ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ทั้งยังมีการแสดงวันที่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกาด้วย นาฬิกาเรือนนี้นำกรงหมุนที่หมุนรอบตัวได้อย่างอิสระทั้งสองชุดมาทำงานร่วมกันผ่านเฟืองท้ายหนึ่งตัวที่ส่งอัตราเฉลี่ยในการทำงานของ regulator ทั้งสองตัวไปยังส่วนแสดงเวลา โดยมีเม็ดมะยมเพียงหนึ่งเม็ดสำหรับขึ้นลานทั้งสองตลับพร้อม ๆ กัน อีกทั้งยังรับประกันได้ว่าลานทั้งคู่จะถูกขึ้นลานได้อย่างเท่ากัน ทำให้นาฬิกามีความแม่นยำเที่ยงตรงและสำรองพลังงานได้ถึง 7 วัน โดยสามารถมองเห็นการเข็มบอกพลังงานสำรองผ่านกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่ด้านหลังตัวเรือน
ในปีนี้ Villeret Tourbillon Carrousel กลับมาอีกครั้งกับรูปลักษณ์ใหม่ในตัวเรือนเรดโกลด์ 18K ขนาด 44.6 มม. มาพร้อมหน้าปัดลาย sunburst สีเขียวแสนประณีต ซึ่งดูเรียบหรูทว่ามีความลุ่มลึกแฝงอยู่
Villeret Tourbillon Carrousel
Villeret: ความหรูหราเหนือกาลเวลาพร้อมเทคนิคที่โดดเด่น
Blancpain ได้หยิบยืมชื่อหมู่บ้านที่เป็นพื้นเพแต่เดิมของแบรนด์มาเป็นชื่อคอลเลคชั่นที่คลาสสิกที่สุดของตัวเอง แม้จะสืบทอดสไตล์ตามขนบประเพณีแต่โบราณมา แต่โมเดล Villeret ก็มุ่งไปสู่อนาคตอย่างมั่นคงด้วย การนำรากเหง้าของตนมาเป็นแบบอย่าง และทำให้เด่นชัดยิ่งกว่าเดิมด้วยเส้นสายที่อ่อนช้อยช่วยทำให้คอลเลคชั่นนี้หรูหราเหนือกาลเวลา ด้วยตัวเรือนเล่นระดับสองชั้นอันเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้คอลเลคชั่น Villeret ยังได้นำผลจากงานวิจัยเชิงเทคนิคล่าสุดของ Blancpain มาบรรจุไว้ในระบบการทำงานของกลไก อาทิเช่น ตัวเปลี่ยนปฏิทินในรูปแบบคันโยกขนาดเล็กใต้ขาตัวเรือนในนาฬิการุ่น Quantième Complet เป็นต้น
moon phases: เอกลักษณ์ ความเป็นตัวตัวตนของ Blancpain
moon phase เป็นคอมพลิเคชั่นที่ Blancpain เปิดตัวขึ้นใหม่อีกครั้งในช่วงยุควิกฤตนาฬิกาควอตซ์ช่วงปี 1983 โดยปัจจุบันคอมพลิเคชั่นนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์จากเมือง Le Brassus ที่ยืนยันว่าเมซงสามารถผลิตนาฬิกากลไกที่ถือกำเนิดมาจากความเชี่ยวชาญอันเป็นเลิศซึ่งระบบควอตซ์ไม่มีวันที่จะมาทดแทนการรังสรรค์นาฬิกากลไกที่ซับซ้อนได้ คอมพลิเคชั่นนี้จึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งการฟื้นคืนของนาฬิกากลไก ฟังก์ชั่น moon phase ที่ใครเห็นต่างก็สามารถจดจำได้ทันทีว่าคือเรือนเวลาของ Blancpain นั้นปรากฏอยู่บน Villeret Quantième Phases de Lune และ Quantième Complet โดยนาฬิกาทั้งสองรุ่นติดตั้งกลไกที่มีระบบป้องกันการตั้งปฏิทินซึ่งช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถปรับค่าปฏิทินได้ทุกเวลาที่ต้องการโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อกลไกแต่อย่างใด
Blancpain: ปรมาจารย์แห่งปฏิทิน
ในฐานะส่วนสำคัญในดีเอ็นเอของ Blancpain ฟังก์ชั่นปฏิทินเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความชำนาญของแบรนด์ในการรังสรรค์คอมพลิเคชั่นต่าง ๆ ตั้งแต่การกลับมาของฟังก์ชั่น complete calendar อย่างแข็งแกร่งหลังยุควิกฤตนาฬิกาควอตซ์และในปี 1983 Blancpain ยังมีการผลิตเรือนเวลาที่มาพร้อมฟังก์ชั่นปฏิทินหลากหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่ทราบกันในวงกว้าง ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของ weekly calendar (ปฏิทินรายสัปดาห์), การแสดงวันที่แบบธรรมดา, annual calendar (ปฏิทินรายปี) หรือ perpetual calendar ซึ่งความสามารถในการผลิตฟังก์ชั่นปฏิทินในรูปแบบต่าง ๆ ของแบรนด์ส่งผลให้เกิดผลงานการรังสรรค์ระบบกลไกของนาฬิกาที่มีความซับซ้อนสูงสุดรุ่นแรกของโลกสองโมเดล อันได้แก่ Villeret Equation du Temps Marchante และ Villeret Calendrier Chinois Traditionnel ฟังก์ชั่นปฏิทินปรากฏอยู่เสมอในแคตาล็อกของแบรนด์ทั้งภายใต้คอลเลคชั่น Villert, Ladybird และ Fifty Fathoms จึงทำให้มันเปรียบเสมือนเครื่องยืนยันความสำเร็จของ Blancpain ในฐานะปรมาจารย์ด้านปฏิทินนั่นเอง
การปฏิวัติวงการด้วยซิลิคอน
ซิลิคอนเข้ามาปฏิวัติวงการนาฬิกาตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 21 และเป็นนวัตกรรมสำคัญที่ทำให้การบอกเวลา ก้าวล้ำหน้าขึ้นไปอีกขั้น วัสดุชนิดนี้เป็นวัสดุเนื้อแข็งที่มีความยืดหยุ่นแต่คงรูป น้ำหนักเบา และยังทนทานต่อการกัดกร่อนได้สูง อีกทั้งยังโดดเด่นเรื่องคุณสมบัติในการต้านทานสนามแม่เหล็ก ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้นาฬิกาทำงานได้อย่างเที่ยงตรง
นาฬิกา Villeret รุ่นใหม่ ๆ มีการใช้บาลานซ์สปริงอย่างครบถ้วน จึงไม่เพียงสามารถเผยให้เห็นกระบวนการทำงานของกลไกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ตลอดจนฝีมือขั้นสูงในการขัดแต่งกลไกผ่านกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่ด้านหลังตัวเรือนได้เท่านั้น แต่ยังมาพร้อมประสิทธิภาพในการบอกเวลาที่เที่ยงตรงอันเป็นประโยชน์ของวัสดุซิลิคอน
การต้านแรงดึงดูดของโลก: ระหว่าง Tourbillon กับ Carrousel
tourbillon และ carrousel ต่างก็เป็นความสำเร็จด้านกลไกที่ถูกออกแบบมาเพื่อลดผลกระทบจากแรงโน้มถ่วงของโลกที่มีต่อการทำงานของระบบนาฬิกา สำนักการประดิษฐ์เรือนเวลาของ Blancpain ในเมือง Le Brassus ได้นำกลไก carrousel ขึ้นมาขัดเกลาใหม่ให้เปี่ยมประสิทธิภาพอีกครั้ง ซึ่งกลไกนี้ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกนอกจาก tourbillon แต่มีกระบวนการทำงานที่แตกต่างกัน และแม้ว่าทั้งสองระบบนี้จะมีจุดประสงค์แบบเดียวกันแต่โครงสร้างในการประดิษฐ์กลับต่างกัน สำหรับ tourbillon กรงหมุนจะเชื่อมต่อกับตลับลานด้วยขบวนชุดเฟืองเพียงชุดเดียว หมายความว่าหากการเชื่อมต่อระหว่างกันเกิดสะดุด tourbillon ก็จะหยุดหมุนไปด้วย ในขณะที่ carrousel นั้นจะใช้ขบวนเฟืองสองขบวนในการเชื่อมต่อกับตลับลาน ขบวนแรกจะส่งพลังงานไปให้ escapement ทำงาน และขบวนที่สองจะควบคุมความเร็วในการหมุนของกรง นั่นจึงอาจจกล่าวได้ว่า carrousel จะมีการออกแบบที่ซับซ้อนกว่าอีกทั้งมีจำนวนชิ้นส่วนที่มากกว่า ดังนั้นการมีกลไกทั้งสองอยู่บนนาฬิกาเพียงหนึ่งเรือนจึงเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า Blancpain สามารถจัดการกับความท้าทายได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์แห่งการประดิษฐ์กลไกนาฬิกาจักรกลตั้งแต่ปี 2013 นั่นเอง


ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของแวดวงนาฬิกาได้ที่นี่…

Crazy Dial – The Watch Community

Line : @crazydial

Instagram : crazydial.official

Facebook : crazydial.official

Website : www.crazy-dial.com

Youtube : Crazy Dial Official

Tiktok : crazydial