การเดินทางใช้เวลาเพื่อหาความหมาย เรือนเวลาคู่กายย่อมสำคัญควรคัดสรรที่ใช่ไว้ก่อน จะหารือธุรกิจ จะพิชิตยอดเขา แฮงค์เอาท์ริมหาด หรือจะไปฟาดโลเคชั่นไหนๆ เหนือไปจากฟังก์ชันความแม่นยำข้ามน่านฟ้า ลิปดา ละติจูด ลองติจูด ต้องมาพร้อมความหรูเข้าลุค หากหัวยังว่างไร้ไอเดีย เคลียร์เช็คลิสต์ 6 ตัวตึงเหล่านี้กันก่อนได้
╔════════════════╗
กดรับข่าวสารก่อนใครที่นี่
LINE : @crazydial
https://lin.ee/wKkm5PM
╚════════════════╝
1. Vacheron Constantin Overseas World Time
VC สายพันธุ์ Overseas World Time 1 ใน 3 โฮลีเกรลของโลกนาฬิกาหรู เคียงคู่นักเดินทางมาแต่กำเนิด ความคลาสซี่ มาพร้อมความหรูหราทนทาน ขุมกำลังกลไกอัตโนมัติ 2460 WT/1 กันน้ำลึกระดับ 150 เมตร แม่นยำไร้ผิดเพี้ยน ด้วยฟังก์ชันป้องกันการก่อกวนจากสนามแม่เหล็ก และทีเด็ดคือ การแสดงเวลาได้ถึง 37 เขตโซนของเมืองสำคัญต่างๆ ทั่วโลก (จากปกติมาตรฐาน 24 โซน) โดยรวมถึงโซนที่มีการชดเชยเวลา 15 นาที และครึ่งชั่วโมงเข้าไปด้วย
2. Omega Seamaster Aqua Terra Worldtimer
เรือนเวลานักเดินทางลุคสปอร์ตลักซ์ชัวรี่ ผสานความคลาสสิกได้ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ ระบุรายชื่อเมืองสำคัญทั่วโลกพิมพ์ล้อมรอบเป็นวงกลมด้วยสีแดง (GMT) สีเงิน (+1 ชั่วโมงในฤดูร้อน) และสีน้ำเงิน (เมืองที่ไม่ปรับเวลาออมแสง) และความเป็นตระกูล World Time ตรงกลางจึงประกอบด้วยขอบวงกระจก 24 ชั่วโมง โดยสีฟ้าอ่อนบ่งบอกช่วงเวลากลางวัน และสีน้ำเงินเข้มระบุช่วงเวลากลางคืน สามารถต้านทานสนามแม่เหล็กได้สูงถึง 15,000 เกาส์ Seamaster Aqua Terra 150 Co-Axial Master Chronometer GMT Worldtimer 43 mm. จึงเหมาะอย่างยิ่งกับไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ที่รายล้อมไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากมายในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีร่างทอง และร่างลิมิเต็ด อิดิชั่น แพลทินัม ที่มีเพียง 87 เรือน ให้เลือกสรร
3. Patek Philippe World Time
ขึ้นชื่อว่าเบอร์ต้นๆ ของโลกเวลาชั้นสูง ย่อมอัดแน่นไปด้วยกลไกใส่สุดทุกฟังก์ชันบนสายพานระดับ Complication ที่มีให้เลือกหลากสีสัน หลายวัสดุ แตกต่างกันไป ตัวอย่างโมเดลน่าสน ยกมาให้ชมเป็นร่างสตีล World Time Flyback Chronograph 5935A ที่มาพร้อมหน้าปัดสี Rose-Glit แกะสลักลวดลาย Carbon สลักชื่อ 24 เมืองทั่วโลก โดยบอกเวลาร่วมกับสเกลบอกเวลา 24 ชั่วโมง สีเงิน-สีดำ ทั้งยังมีหน้าปัดย่อยบันทึกเวลาต่อเนื่อง 30 นาที ตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกา ใส่ไปไหนต่อไหน รับรองมาดมั่นใจ ขนาดสุภาพบุรุษจุฑาเทพต้องร้องขอชีวิตยอมถอยให้เลย
4. Rolex GMT-Master II
แทบไม่ต้องมีคำบรรยายอะไรๆ ให้ลึกซึ้งอีกแล้ว จัดเป็นสุดยอดนาฬิกาเพื่อการเดินทางอเนกประสงค์ จากแนวคิดการก่อกำเนิด มอบแด่นักบินเดินทางข้ามน้ำฝ่ามหาสมุทรแอตแลนติก เพื่อให้สามารถตรวจสอบสองเขตเวลาแยกกันได้ เมื่อปี 1950 ในอดีต จนถึงวินาทีนี้ ไม่ว่าจะทริปไหน เดินทางไปกับใคร จะครอบครัว เพื่อนฝูง หรือเรื่องธุรกิจ Rolex GMT-Master II ยังตอบการใช้งานได้จริง ภายใต้รูปลักษณ์ทันสมัย ไม่ขาดความสวยงามอยู่เสมอมา
5. Breitling Navitimer Automatic 41
คอลเลคชั่นประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 65 ปี ด้วยตัวเรือนทรงคลาสสิกจากยุค 1950 บวกกับเป็นสกุลสวิสสายเลือดนักบิน ที่มีทั้งร่างสตีลและทองคำ 18 กะรัต ให้เลือก ขอบหน้าปัดแบบ Slide Rule สำหรับการคำนวณและอ่านค่าต่างๆ เข้ากับคุณสมบัติความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์ ผ่านการรับรองโดยประกาศนียบัตร COSC พร้อมประสิทธิภาพการกันน้ำลึก 30 เมตร นี่จึงเป็นเรือนเวลาที่ไม่อาจหลุดรอดสายตาไปได้เลยจริงๆ ให้ตายเถอะ
6. Breguet Marine Hora Mundi 5557
ตัวเด่นปีล่าสุดของแบรนด์หรูสวิสเมดอย่าง Breguet ในคอลเลคชั่น Marine ที่ทั้ง สมาร์ท อาร์ท คลาสสูง กับหน้าปัดลวดลายรูปโลกซ้อนทับกัน ตกแต่งสลักลายกิโยเช่เป็นรูปคลื่นมหาสมุทรเคลื่อนกระทบผืนทวีป จุดเด่นอยู่ตรงที่ไม่มีเข็ม GMT แต่เป็นกลไกชั้นสูง ที่สามารถเปลี่ยนสองเขตเวลาได้ง่ายๆ ด้วยการตั้งค่าเวลาและวันที่ให้กับเมืองแรก จากนั้นกดปุ่มกับเม็ดมะยมแล้วเลือกตั้งเวลากับวันที่ของเมืองที่ 2 เพื่อให้นาฬิกาจดจำเวลากับวันที่ของทั้ง 2 เมืองไว้เป็นค่าเริ่มต้น หลังจากนั้นกลไกของนาฬิกาก็จะสามารถคำนวณเวลากับวันที่ของเมืองต่างๆ ได้อย่างอัตโนมัติ
Crazy Dial มีเป้าหมายที่จะเป็น Creative StoryTelling สื่อเน้นการเล่าเรื่องเชิงสร้างสรรค์ ที่สามารถสร้างสังคมการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับข้อมูลนาฬิกา สร้างแรงบรรดาลใจให้กับคนที่ชื่นชอบนาฬิกามือใหม่ รวมถึงนักสะสมนาฬิกามือเก่า ขอบคุณที่มาเป็นส่วนนึง และร่วมแบ่งบันประสบการณ์ไปพร้อมๆกัน กับ Crazy Dial