วันนี้ทางทีมงาน Crazy Dial ขอนำบทสัมภาษณ์หญิงสาวคนเก่งที่ได้รับตำแหน่ง CEO of the Americas ของ AP ที่เธอได้พูดคุยกับ Hodinkee มาแปลให้แฟนๆ Crazy Dial ได้รู้จักเธอมากยิ่งขึ้น ถึงแม้จะอยู่กันคนละซีกโลกแต่เราหวังว่าแฟนๆของ Crazy Dial และแฟนของ AP จะได้เห็นมุมมองและวิสัยทัศน์ของเธอ และเห็นทิศทางว่าเธอต้องการที่จะพา AP Americas ไปสู่จุดไหน เธอจะสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างไร เรามาอ่านบทสัมภาษณ์และคำอธิบายจากเธอว่า ทำอย่างไรถึงจะถามลูกค้าได้ตรงจุด และก้าวต่อไปของ Royal Oak คืออะไร กันเลยครับ
╔════════════════╗
กดรับข่าวสารก่อนใครที่นี่
LINE : @crazydial
https://lin.ee/wKkm5PM
╚════════════════╝
ถาม : เราขอเริ่มกันด้วยคำถามที่ว่า คุณเรียนทางด้านไหนมา?
Ginny Wright : ฉันได้รับปริญญา 2 ใบทางด้านเศรษฐศาสตร์ และการเมืองจาก University of North Carolina Chapel Hill
ถาม : คุณรู้ตัวว่าอยากจะเข้าสู่แวดวงธุรกิจหรือว่าคุณเคยคิดว่าอยากที่จะเป็นนักการเมือง?
Ginny Wright : ก่อนหน้านี้ฉันมีแพลนที่จะเข้าสู่งานทางด้านการเมือง และงานแรกของฉันหลังจากเรียนจบก็คืองานด้านการเมือง คือว่าฉันค่อนข้างต่างจากเด็กคนอื่นที่โดยทั่วไปแล้วคนอื่นๆก็จะไปพักผ่อนที่ฟลอริด้าช่วงวันหยุดช่วงวันหยุดยาวต้นฤดูใบไม้ผลิ แต่ฉันเดินเข้าไปยื่น resume ที่ Congress to all of the North Carolina representatives และโชคดีที่ผู้ช่วยของส.ส. Fred Heineman บอกว่า เขากำลังจะได้รับการเลื่อนขั้นอยู่พอดี และอยากหาคนมาแทนที่ ฉันก็เลยได้ย้ายไปทำงานอยู่วอชิงตันก่อนเรียนจบแค่ 3 วัน
ถาม : แล้วคุณขยับจากงานทางด้านการเมืองมาสู่วงการธุรกิจได้อย่างไร?
Ginny Wright : คือฉันใช้ชีวิตที่หลากหลายค่ะ ก่อนหน้านั้นฉันอยากเป็นโฆษก แต่ก็ไม่ได้ขยับจากการเป็นผู้ช่วยฝ่ายนิติบัญญัติ แล้วก็ย้ายไปที่แอตแลนต้าเพื่อไปทำงานที่สำนักประชาสัมพันธ์สตรี แล้วก็ทำอีกหลายที่ จนมาได้ตำแหน่ง Vice President of consumer brand practice ที่ Ketchum
ตอนอายุ 32 ฉันก็แต่งงานและตัดสินใจที่จะเปลี่ยนจากงานด้านประชาสัมพันธ์ไปสู่งานทางด้านการตลาดและธุรกิจ ซึ่งฉันต้องการทำสินค้า Luxury มาตลอดเพราะว่าฉันสนใจในความพิถีพิถัน งานด้านช่างฝีมือต่างๆ รวมไปถึงมุมความเป็นศิลป์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าพวกนี้ แล้วก็พบว่ามีการเปิดสอนคลาส MBA ที่ ESSEC ประเทศฝรั่งเศสซึ่งมีโปรแกรมพิเศษที่โฟกัสเกี่ยวกับสินค้า Luxury อีกทั้งยังมี LVMH และ L’Oreal เป็นพาร์ทเนอร์กับโปรแกรมนี้ด้วย ซึ่งพอจบมาก็ได้มีโอกาสทำงานกับ L’Oreal ที่นิวยอร์ค ซึ่งฉันเริ่มงานในเดือนกันยายน 2008 ที่เป็นวันเดียวกันกับที่ Lehman Brothers ล้มละลายพอดี
ถาม : คุณได้เริ่มงานในด้านบริหารซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย คุณเป็นอย่างไรบ้าง?
Ginny Wright : ฉันไม่เห็นความแตกต่างนะ คือมันก็กระท่อนกระแท่นในทุกๆวัน คือที่ L’Oreal เราจะต้องหาทางที่จะสร้างดีมานด์ รวมไปถึงหาลูกค้าและคู่ค้าใหม่ๆอยู่ตลอด เราจะต้องรู้ว่าอะไรที่กำลังจะมา และที่ L’Oreal ก็ช่วยให้ฉันทำหน้าที่การเป็นผู้นำได้อย่างดี และอย่างที่ทุกคนรู้กันว่าที่นี่เปรียบเสมือนค่ายฝึกทางด้านการตลาด ถ้าคุณผ่านที่นี่ได้ คุณก็สามารถทำทุกอย่างเกี่ยวกับการตลาดได้ และที่นี่ก็มอบประสบการณ์การทำงานที่น่าตื่นตาตื่นใจ ไม่ใช่แค่ว่าการได้รับการเลื่อนขั้นตามลำดับงานเพียงอยากเดียยว แต่บางทีก็เรื่องอื่นๆด้วย
ถาม : คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่คุณเรียนรู้มากที่สุดในฐานะที่ได้รับตำแหน่งในปีแรก?
Ginny Wright : ที่ AP และวงการนาฬิกาไม่เหมือนกับที่อื่นๆ หลักการทำธุรกิจโดยทั่วไปคือดีมานด์ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว และดีมานด์ก็เป็นสิ่งที่อุตสาหกรรมอื่นๆและบริษัทอื่นๆโหยหา แต่นั่นก็เป็นดาบสองคมเช่นกัน เพราะดีมานด์ก็จะมาพร้อมกับความหัวเสียจากลูกค้าและผู้ที่อยากจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ แล้วเราจะบาลานซ์เรื่องนี้อย่างไรน่ะเหรอ
ในปีแรกฉันก็เลยสร้างทีมขึ้นมาใหม่ แล้วก็เพิ่มในส่วนรีเทลขึ้นอีก 2 เท่า ซึ่งนั่นหมายความว่าเราต้องจ้างบุคลากรเพิ่มขึ้น ต้องเทรนพนักงานเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันก็เป็นการมอบประสบการณ์อันสุดวิเศษให้แก่ลูกค้เหมือนกัน นาฬิกาชองเรามีคุณภาพที่เยี่ยมยอดและเราต้องการให้ประสบการณ์ของลูกค้าก็เป็นความรู้สึกที่เยี่ยมยอดเช่นกัน
ตอนนี้เรายังคงไม่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ปีนี้เรากำลังเข้าใกล้ในสิ่งที่เราต้องการจะเป็นแล้ว
ถาม : ขั้นตอนการเรียนรู้เชิงลึกเกี่ยวกับนาฬิกาของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?
Ginny Wright : ฉันเริ่มงานในช่วงที่ยังมีสถานการณ์ COVID นั่นก็ทำให้ฉันไม่สามารถเดินทางไปพบ watchmaker ทุกๆท่านที่สวิสเซอร์แลนด์ได้ แต่ก่อนอื่นเลยฉันก็ยอมรับกับตัวเองว่ายังเป็นผู้อ่อนหัด แล้วก็เริ่มด้วยการฟัง, การสังเกตุ, การถามคำถามมากมาย เริ่มแรกฉันเทรนกับคุณ Gary Cruz ผู้ซึ่งเป็น Master Watchmaker ของเรา และเค้าก็เป็นคนพาฉันไปเรียนรู้กลไกการทำงานต่างๆของนาฬิกา
แล้วฉันก็ใช้เวลา 2 ชั่วโมงในทุกๆวันเสาร์เพื่อเรียนคอร์สเสริมในทุกๆวันเสาร์ผ่านโปรแกรม Zoom กับคุณ Yoni Ben-Yehuda ที่เป็น Head of Watches, Material Good และเค้ายังเป็นผู้เชี่ยวชาญและกูรูนาฬิกา เรียกได้ว่าเค้าเป็นศาสตราจารย์ส่วนตัวทางด้านนาฬิกาของฉันเลย
และใน 10 ครั้งที่เรียน เค้าจะให้การบ้านล่วงหน้า และตอนจบก็จะมีการสอบด้วย ซึ่งฉันต้องรู้ทุกความแตกต่าง รู้ทุกชิ้นส่วนของนาฬิกา รู้ว่าความแตกต่างระหว่าง flying tourbillon กับ traditional tourbillon คืออะไร และอีกอย่างคือคุณ Yoni Ben-Yehuda ก็มีวิธีการเล่าประวัติศาสตร์อันยาวนานของ AP ในแบบฉบับของเค้าเองอีกด้วย ฉันเรียนรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมนาฬิกา, แบรนด์ต่างๆในวงการนาฬิกา, ความมีเอกลักษณ์และความสำคัญของนาฬิกาผ่านประสบการณ์ที่เค้าเล่าให้ฟัง
หลังจากนั้นฉันก็โชคดีที่ได้ใช้เวลากับคุณ Michael Friedman ที่เป็น head of complications ของเรา และฉันขอบที่จะเรียนรู้ด้านต่างๆของนาฬิกา ประวัติศาสตร์ของเวลา, การเรียนรู้เรื่องเวลา, ความหมายของเวลา ว่ามีความหมายยังไงต่อประวัติศาสตร์ รวมไปถึงต่อประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
จริงๆนี่ฉันเพิ่งกลับมาจากสวิสเซอร์แลนด์นะ ฉันใช้เวลาทั้งในการประชุมและเยี่ยมชมโรงงานของเรา จริงๆแล้วก็ยังถือว่ายังคงต้องเรียนรู้อยู่
ถาม : คุณรู้สึกยังไงกับสิ่งที่ AP กำลังพยายามและคาดหวังที่จะดึงผู้หญิงเข้ามาสู่การสะสมนาฬิกาให้มากขึ้น?
Ginny Wright : ความคราฟท์และการที่สามารถสะสมได้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญทั้งคู่ สิ่งที่ฉันค้นพบคือเวลาเป็นสิ่งมีค่าในทุกๆด้านสำหรับผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน้าที่การงาน เรื่องของความเป็นแม่ เรื่องของความสำเร็จต่างๆ หรือในทุกๆอย่างผสมรวมกัน และฉันคิดว่านาฬิกาเป็นตัวแทนของความมีมูลค่าของของเวลาสำหรับพวกเธอ จะบอกว่าในปีที่แล้วเรามีเปอร์เซ็นต์กลุ่มลูกค้าผู้หญิงที่เพิ่มขึ้นนะ
เรามีเป้าหมายที่จะทำให้ผู้หญิงเข้ามาสู่แบรนด์และนึกถึง AP มากยิ่งขึ้น และเราก็มีผู้หญิงที่เป็นหัวหน้าสายงานอยู่ในบริษัทหลายท่าน ซึ่งครึ่งนึงของหัวหน้าทีมของฉันก็เป็นผู้หญิงและ boutique director ของเราก็เป็นผู้หญิงอยู่ครึ่งนึงเช่นกัน และเราไม่ได้คิดว่าเราจะพูดถึงในเชิงของนาฬิกาผู้หญิงเทียบกับนาฬิกาผู้ชายแต่เราพูดกันเพียงว่านาฬิกาและผู้ที่ใส่นาฬิกา ฉันคิดว่าการพูดถึงในด้านกลางๆ ไม่ได้เฉพาะเจาะจงทางเพศคือวิถีใหม่ในอนาคต
ถาม : คุณใช้เวลาส่วนใหญ่ในตำแหน่งนี้ไปกับอะไร?
Ginny Wright : ส่วนหนึ่งคือการทำให้มั่นใจได้ว่าทีมมีที่วิสัยทัศน์เดียวกัน และเข้าใจว่าลำดับความสำคัญในเชิงกลยุทธ์คืออะไร นั่นก็จะทำให้ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน
นั่นคือการที่ฉันจะต้องมั่นใจว่าฉันได้เข้าประชุมกับหัวหน้าฝ่าย Finance, หัวหน้าฝ่าย Retail and client experience, หัวหน้าฝ่าย marketing และทุกๆคนมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน รวมไปถึงต้องพูดคุยกับสำนักงานใหญ่ที่ Le Brassus เพื่อให้มั่นใจว่าเราอยู่ในเส้นทางเดียวกัน และเราก็มักจะคิดถึงนาฬิกาของเราว่าโมเดลไหนที่จะเข้ามา และมันจะไปในทิศทางไหน
ฉันคิดว่าฉันโชคดีและยินดีเป็นอย่างมากกับตำแหน่งนี้ เพราะว่ามันยากและเป็นตำแหน่งที่ต้องทำงานหนัก แต่ฉันสนุกกับการที่มันยากเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นคนที่เสพติดการทำงานยากๆก็ว่าได้
ถาม : ถ้าคุณมีเวลาสำหรับงานนี้มากขึ้น คุณจะทำอะไร?
Ginny Wright : ใช้เวลากับลูกค้าให้มากขึ้น เมื่อช่วงบ่ายฉันเพิ่งไปที่ 57th Street boutique เพื่อไปพบลูกค้าสี่ท่าน ที่ฉันอยากใช้เวลากับลูกค้าให้มากขึ้นก็เพราะว่าพวกเค้าเป็นคนที่น่าหลงใหลมากที่สุด และเค้าก็เป็นคนที่รักแบรนด์เป็นอย่างมาก การยึดถือลูกค้าเป็นศูนย์กลางและการได้ใกล้ชิดกับพวกเขาทำให้เราได้รับพลังงานกลับมาเป็นอย่างมาก
ถาม : อะไรคือส่วนที่ยากที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้?
Ginny Wright : การที่ไม่สามารถทำให้ถูกใจทุกคนได้ตลอดเวลา เราก็อยากมีนาฬิกาให้กับลูกค้าทุกๆท่าน แต่เพราะเราต้องมีความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิตและการที่ต้องใช้เวลาเป็นอย่างมากที่จะสรรสร้างนาฬิกาของเรา ทำให้เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้จริงๆ ซึ่งนั่นก็คือสิ่งนึงที่ฉันอยากจะทำแต่ก็ไม่สามารถทำให้มันเป็นจริงได้ และเราเองก็เสียใจเวลาที่เห็นคนอยากได้อะไรเป็นอย่างมาก ซึ่งเราก็พยายามหาทางที่จะได้นาฬิกามาให้ทุกๆท่าน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทีมของเราพยายามที่จะทำในทุกๆวัน
ถาม : ถ้าคุณย้อนเวลากลับไปเพื่อให้คำแนะนำกับตัวเองในวัยเด็ก คุณจะแนะนำอะไร?
Ginny Wright : เบาๆกับตัวเองบ้าง อย่ากดดันตัวเองนักเลย และถ้าอะไรผิดที่ผิดทางก็ยอมรับและเรียนรู้จากสิ่งนั้นแล้วก็ก้าวต่อไปข้างหน้า รวมถึงให้เป็นคนอยากเรียนรู้ไปตลอด ถามคำถามที่มาจากการอยากเรียนรู้แต่ไม่ต้องตัดสินมัน ฉันพูดกับทุกคนมาตลอดว่า ที่ฉันถามเพราะว่าอยากจะรู้ ไม่ได้ถามเพราะอยากจะตัดสินอะไร เพราะว่าในหลายๆครั้งคือฉันไม่รู้!
ถาม : คุณเก่งอะไรมากที่สุด?
Ginny Wright : ฉันเป็นคนแก้ปัญหาเก่งมาก พวกเรามักรวมกันเพื่อหาทางที่จะแก้ปัญหาต่างๆ และฉันทำได้ดีมากในสถานการณ์ที่มีความกดดัน
ถาม : คุณจะทำอะไรถ้าคุณไม่ได้อยู่ในแวดวงธุรกิจ หรือถ้าไม่ได้อยู่ในแวดวง Luxury?
ฉันก็คงเป็นนักศึกษานะ คงไปเรียน Ph.D ในด้านการเมืองและเศรษฐศาตร์เพราะฉันชอบเวลาที่ได้เรียน (จริงๆก็อยากให้ตอนเรียนปริญาตรีจะมีความรู้สึกแบบนี้นะ) ฉันชอบที่จะเรียนรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับโลกเราบ้าง
Ginny Wright : ในอีกด้านนึง คงจะเป็น esthetician และเป็นอาจารย์ด้าน Soul Cycle นั่นเป็นรายได้เพิ่มนอกเวลางานของฉันเลยนะ
ถาม : ถ้าคุณสามารถแนะนำคนที่อยากจะเป็นเหมือนคุณ คุณจะแนะนำอะไร?
Ginny Wright : กำหนดวิสัยทัศน์ของตัวเองด้วยตัวเอง และคำแนะนำที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้รับมาก็คือทำอย่างไรที่จะให้และรับฟีดแบคต่างๆ ซึ่งก็คือ ทำให้ชัดเจน, ทำอย่างเป็นมิตร, ให้เกียรติและพยายามที่จะเข้าใจจุดประสงค์ของคนอื่น
ถาม : ที่เราอยากรู้มากก็คือ คุณใส่นาฬิกาอะไร?
Ginny Wright : Code 11.59 Rose Gold เพราะฉันชอบความหรูหราของเรือนนี้ Code 11.59 นี่จะใส่กับสูทหรือเสื้อยืดกางเกงยีนส์ก็ดูดี
Crazy Dial มีเป้าหมายที่จะเป็น Creative StoryTelling สื่อเน้นการเล่าเรื่องเชิงสร้างสรรค์ ที่สามารถสร้างสังคมการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับข้อมูลนาฬิกา สร้างแรงบรรดาลใจให้กับคนที่ชื่นชอบนาฬิกามือใหม่ รวมถึงนักสะสมนาฬิกามือเก่า ขอบคุณที่มาเป็นส่วนนึง และร่วมแบ่งบันประสบการณ์ไปพร้อมๆกัน กับ Crazy Dial