ถ้าจะเอ่ยถึง Rolex เชื่อว่า GMT Master II เรือนนี้คงอันดับต้นๆ ที่หลายคนนึกถึงอย่างแน่นอน ด้วยความเป็นนาฬิกาที่ดูสปอร์ต สวย หรู สะดุดตา และมีความเท่ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น จึงไม่น่าแปลกใจเลยใครต่อใครก็อยากได้มาไว้ในความครอบครอง แต่หนุ่มเรือนนี้เขาไม่ได้มีดีแค่หน้าตาหรอกนะครับ
╔════════════════╗
กดรับข่าวสารก่อนใครที่นี่
LINE : @crazydial
https://lin.ee/wKkm5PM
╚════════════════╝
วันนี้จะขอชวนชาว Crazy Dial ทุกคนมาทำความรู้จักกับ Rolex GMT Master II ให้มากขึ้นกว่าเดิม รับรองครับว่า คุณจะหลงรักพ่อหนุ่มเรือนนี้เข้าอย่างจัง
นาฬิกาสำหรับนักเดินทาง
ชื่อรุ่น GMT มีที่มาจาก ตัวย่อ GMT หรือเวลามาตรฐานโลก (Greenwich Mean Time) นั่นเอง ซึ่งคงจะพอเดากันได้ไม่ยากว่า คุณสมบัติของนาฬิกาเรือนนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องของเวลา ถูกต้องครับ เพราะมันเป็นนาฬิกาที่ถูกออกแบบเพื่อนักเดินทางที่ต้องเดินทางข้ามหลายประเทศ ให้สามารถดูเวลาของอีกที่ไปพร้อมๆ กับเวลาท้องถิ่นโดยไม่จำเป็นต้องปรับเข็มนาฬิกามาตรฐานให้ยุ่งยาก คุณสมบัติในการอ่านค่าเวลาเพิ่มเติมอันแรก คือผ่านขอบหน้าปัดบอกชั่วโมงที่สามารถหมุนปรับซ้าย-ขวาได้ตามใจชอบ บางรุ่นจะมีขอบหน้าปัด 2-tone เพื่อแยกสีให้เห็นเวลากลางวัน-กลางคืน และพิเศษไปกว่านั้น ในรุ่น GMT Master II ยังมีเข็มชั่วโมงนาฬิกาที่ 4 ซึ่งสามารถปรับอ่านเวลาได้เพิ่มอีก 1 Time Zone ทำให้นาฬิการุ่นนี้มีความพิเศษในการอ่านเขตเวลาได้มากถึง 3 ประเทศ นับว่าเหนือกว่ารุ่นออริจินัลอย่าง GMT Master ที่อ่านได้เพียง 2 โซนเท่านั้น
การออกแบบและเลือกใช้วัสดุอย่างไร้ที่ติ
แค่ชื่อ Rolex ก็รับประกันถึงคุณภาพและความพิถีพิถันแล้ว GMT Master II เรือนนี้มาพร้อมหน้าปัด 40 มิลลิเมตร ขนาดกำลังพอดีสำหรับมาตรฐานข้อมือผู้ชาย น้ำหนักตัวเรือนถือว่ากำลังดี บวกกับการออกแบบรูปทรงให้นาฬิการับกับข้อมือ ทำให้รู้สึกสบายขณะสวมใส่ วัสดุต่างๆ ที่ใช้ก็ได้รับการคัดสรรมาอย่างดี แต่รุ่นนี้ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะรวบรวมเอา 2 วัสดุพิเศษ ผลงานเอกสิทธิ์ของ Rolex อย่าง Oystersteel เป็นตัวเรือน ตรงตามมาตรฐานสำหรับรุ่น Professional ของ Rolex และขอบหน้าปัดเซรามิก Cerachrom ที่เปิดตัวในรูปแบบ 2-Tone เป็นครั้งแรกในรุ่นนี้ ถือเป็น 2 วัสดุธรรมดาที่ถูกพัฒนาด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของ Rolex ให้มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ สามารถช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังป้องกันการสึกกร่อน ยืดระยะเวลาความสวยงามของนาฬิกาให้ยาวนาน
ในส่วนของงานเก็บรายละเอียดอื่นๆ นั้น บอกได้เลยว่า เนี้ยบ สมชื่อ Rolex ตั้งแต่ตัวเลข เข็มนาฬิกา และสัญลักษณ์ทั้งหมด เป็นการแกะสลักและเคลือบด้วยทองคำ หรือแพลตินัม และทำการเคลือบอีกครั้งด้วยเทคนิคพิเศษ ทำให้พื้นผิวเรียบเนียน กลมกลืนกับวัสดุ ในขณะที่ตัวเลขและสัญลักษณ์ต่างๆ ยังคงแสดงโดดเด่นและอ่านได้อย่างชัดเจน เทคนิคและรายละเอียดแบบนี้เป็นที่รู้กันว่า ยากที่จะลอกเลียนแบบ
ความงามอย่างออริจินัล
GMT Master เปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่ปี 1955 เป็นสมัยที่เริ่มมีการใช้เครื่องบินโดยสารในการเดินทางข้ามประเทศอย่างแพร่หลาย ด้วยคุณสมบัติการแสดง 2 เขตเวลา ทำให้นาฬิกาเรือนนี้โด่งดังมากๆ ถึงขั้นได้รับเลือกเป็นนาฬิกาประจำสายการบินชื่อดัง อย่าง Pan Am หรือ Pan America World Airways อีกทั้งยังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักบิน ทำให้ความเป็นนักเดินทางของ GMT Master II นั้นยิ่งชัดเจน และฝังแน่นดุจ DNA ของรุ่น
ถึงแม้เวลาจะผ่านมายาวนานกว่า 65 ปีแล้ว แต่กระแสความนิยมก็ไม่เคยเสื่อมคลายเลย เพราะแม้ว่า Rolex จะพัฒนาและผลิตนาฬิกาในไลน์ออกมามากมาย จนปัจจุบันกลายมาเป็น GMT Master II แล้วนั้น แต่การออกแบบในทุกๆ รุ่นล้วนยังคงไว้ซึ่งความงามที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของ GMT Master ไว้อย่างชัดเจน มีหลายรุ่นที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายผ่านฉายาอย่าง GMT Master II ‘Pepsi’ ‘Coke’ ‘Root Beer’ และ ‘Batman’ ซึ่งบางรุ่นนั้นได้ถูกหยุดผลิตไปแล้ว รวมไปถึง GMT Master II ‘Pepsi’ ref. 16710 แม้ว่าจะมีการออกรุ่นใหม่อย่าง 126710 BLRO พร้อมเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำมาทดแทน แต่นักสะสมส่วนใหญ่ก็ยังคงให้มูลค่ารุ่นเก่าๆ เป็นอย่างมาก ทำให้ราคานาฬิกา Rolex แต่ละรุ่นในโมเดล GMT นั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะรุ่นที่หยุดผลิตไปแล้ว ซึ่งเป็นที่สนใจของนักสะสมและนักลงทุนมากมาย
ถ้าหากว่าคุณเป็นนักธุรกิจ นักบิน ดารา หรือผู้มีอาชีพเป็น ‘นักท่องเที่ยว’ เดินทางข้ามทวีปบ่อยครั้งแล้วละก็ Rolex GMT Master ถือเป็น A Must ที่คุณต้องมีครอบครองไว้สักเรือนนะครับ
Crazy Dial มีเป้าหมายที่จะเป็น Creative StoryTelling สื่อเน้นการเล่าเรื่องเชิงสร้างสรรค์ ที่สามารถสร้างสังคมการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับข้อมูลนาฬิกา สร้างแรงบรรดาลใจให้กับคนที่ชื่นชอบนาฬิกามือใหม่ รวมถึงนักสะสมนาฬิกามือเก่า ขอบคุณที่มาเป็นส่วนนึง และร่วมแบ่งบันประสบการณ์ไปพร้อมๆกัน กับ Crazy Dial