เมื่อเร็วๆ นี้มีเรื่องฮือฮาเกิดขึ้นในแวดวงผู้ผลิตนาฬิกาสวิสอีกครั้ง เมื่อ Audemars Piguet (AP) เปิดตัวพิพิธภัณฑ์นาฬิกาแห่งใหม่ ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามของรัฐฌูว์รา สวิตเซอร์แลนด์ ความฮือฮานี้ไม่ใช่เป็นแค่ข่าวใหญ่ที่เกิดขึ้นหลังภาวะซบเซาช่วงโควิด-19 เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะได้ชื่อว่าเป็นมิวเซียมขนาดใหญ่ของ Audemars Piguet ที่จะเปิดให้คนทั่วไปได้เข้าชมในที่สุด!
╔════════════════╗
กดรับข่าวสารก่อนใครที่นี่
LINE : @crazydial
https://lin.ee/wKkm5PM
╚════════════════╝
คนรักนาฬิกาย่อมต้องรู้จักชื่อเสียงของ Audemars Piguet ที่สะสมมานับร้อยๆ ปี Musée Atelier Audemars Piguet คือกุญแจดอกสำคัญดอกใหม่ ที่จะช่วยพาผู้มาเยือนย้อนเวลาไปพบเรื่องราวเหล่านั้น ผ่านคอลเล็กชันของ AP กว่า 300 ชิ้น ซึ่งจัดแสดงอยู่ในอาคารทรงสไปรอลอันโดดเด่น ฝีมือการออกแบบของบริษัทสถาปนิกระดับโลกอย่าง BIG (Bjarke Ingels Group) เพื่อให้เรื่องราวของอดีตและปัจจุบันเชื่อมต่อเข้าด้วยกันอย่างลงตัว Musée Atelier Audemars Piguet ถูกสร้างเชื่อมต่อกับเวิร์กช็อปที่ผลิตนาฬิกาดั้งเดิมของแบรนด์ที่มีมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 1875 รวมถึงไพรเวทมิวซียมที่มีอยู่เดิม ทั้งยังโอบล้อมไปด้วยอาคารสำนักงานใหญ่ แหล่งกำเนิดตัวตนเกือบ 150 ปีของ Audemars Piguet
อาคารที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ที่ดูโปร่ง โล่งตา อาจดูขัดกับชื่อเสียงเรื่องความซับซ้อนของกลไกนาฬิกาและรายละเอียดอันมากมายในชิ้นงานอันเป็นชื่อเสียงของ Audemars Piguet แต่สำหรับสิ่งที่จัดแสดงอยู่ในพื้นที่ 2,500 ตารางเมตรนั้นบอกได้เลยว่าเห็นแล้วไม่โล่งแม้แต่น้อย ยิ่งถ้าคุณเป็นแฟนของ Audemars Piguet และเหล่านี้คือตัวอย่างของส่วนจัดแสดงที่คุณจะได้เจอ
- ‘Universelle’ นาฬิกาพกอันโด่งดังของ AP ที่รังสรรค์ขึ้นในปี 1899 ได้ชื่อว่าเป็นนาฬิกาที่มีกลไกซับซ้อนที่สุดเรือนหนึ่งของโลก ด้วยชิ้นส่วน 1,168 ชิ้นที่ขับเคลื่อนฟังก์ชันต่างๆ รวมแล้วถึง 21 Complications
- นาฬิกากลุ่มวินเทจที่ได้ชื่อว่าเป็นอีกคอลเล็กชันหายากของ AP ซึ่งก่อนปี 1980 มีผลิตแค่ 307 เรือนเท่านั้น ถูกนำมาจัดแสดงจำนวน 10 เรือน หนึ่งในนั้นคือ ‘1943 chronograph’ (ราคาประมูลเมื่อปี 2015 อยู่ที่ราว 305,000 ฟรังก์สวิส)
- นาฬิกาที่มี Perpetual Calendar บอกปีอธิกสุรทิน ครอบคลุมปีที่มี 366 วันเรือนแรกของโลก ผลิตขึ้นโดย AP
- คอลเล็กชัน Royal Oak ที่คัดสรรแล้ว ทั้งจากรุ่นเริ่มออกแบบในปี 1971 Royal Oak Offshore ที่เปิดตัวในปี 1993 และ Royal Oak Concept ปี 2002
- นาฬิกาวินเทจจากปี 1890-1990 จากคอลเล็กชันชวนตื่นตาที่ Marcus Margulies ยอมขายคืนกลับมาให้ Audemars Piguet ในปี 2016
นอกจากนี้ ภายใน Musée Atelier Audemars Piguet ยังเป็นที่ตั้งเวิร์กช็อปอีก 2 แห่ง เปิดให้ผู้มาเยือนได้เห็นการทำงานของบรรดาช่างนาฬิกา เบื้องหลังของการกว่าจะมาเป็นนาฬิกา AP สักเรือน โดยที่ Grandes Complications Atelier จะเป็นส่วนของการประกอบนาฬิกาที่มี Grande Complication ต่างๆ ขณะที่ Métiers d’Art Atelier จะเป็นเวิร์กช็อปของการผลิตนาฬิกาที่ตกแต่งด้วยอัญมณีละลานตา ส่วนใครที่อยากเห็นภาพหาชมยาก อย่างการซ่อมแซมนาฬิกา AP รุ่นแอนทีค แนะนำให้ปักหมุดที่ Restoration Atelier เวิร์กช็อปเดิมที่มีมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแบรนด์ ตั้งอยู่ติดกับมิวเซียมแห่งใหม่ได้เลย
ถึงตรงนี้ หากใครมีคำถามว่า แล้วที่ Musée Atelier Audemars Piguet จะมีนาฬิการุ่นไหนให้ได้ซื้อหาหรือจับจองบ้าง คำตอบคือ ต้องไปดูด้วยตาตัวเอง หมดวิกฤตโควิด-19 แล้วใครอยากเดินทาง แนะนำให้ไปเยือน Musée Atelier Audemars Piguet (Route de France 18, 1348 Le Brassus) ค่าเข้าชมเริ่มต้นที่ท่านละ 20 ฟรังก์สวิส เปิดรอบนำชมเป็นภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศส และอังกฤษ แต่ค่อนข้างจำกัดคนเข้าชมเป็นกลุ่มเล็ก สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและเช็ควันเข้าชมล่วงหน้าได้ที่: www.museeatelier-audemarspiguet.com
ถึงจะโดดเด่น แต่ต้องไม่แตกต่าง
ไม่ได้มีแค่โจทย์ของทางแบรนด์เจ้าของนาฬิกาที่ทางทีมสถาปนิกของ BIG ต้องตีให้แตก แต่ยังมีโจทย์ข้อนี้จากสภาเมือง Le Brassus ด้วยไม่อยากให้อาคารใหม่ทำลายบรรยากาศของเมืองช่างทำนาฬิกาที่เรียบง่ายและสงบเงียบ ทาง BIG จึงได้สรรค์สร้างอาคารทรงสไปรอลที่เหมือนจะฝังตัวเข้ากับพื้นที่รายรอบออกมาอย่างที่เห็น แม้วัสดุหลักจะเป็นกระจกที่ดูโมเดิร์น แต่กลับช่วยสะท้อนให้อาคารดูกลมกลืนกับทิวทัศน์รายรอบ ไม่ว่าจะเป็นในฤดูใบไม้ผลิเขียวขจี หรือหน้าหนาวที่ขาวโพลนด้วยหิมะ ขณะที่เมื่ออยู่ด้านในก็ยังสามารถมองออกมาเห็นป่าด้านนอก ให้บรรยากาศเหมือนเมื่อครั้งที่ช่างทำนาฬิกาของ AP กำลังนั่งสร้างสรรค์ผลงานในอดีต
นอกจากนี้ตัวอาคารยังถูกออกแบบให้เป็นอาคารอนุรักษ์พลังแบบยั่งยืน และที่สำคัญคือ สามารถ และพร้อมรับมือกับสภาพอากาศของ Le Brassus ได้ทุกรูปแบบอีกด้วย
Crazy Dial มีเป้าหมายที่จะเป็น Creative StoryTelling สื่อเน้นการเล่าเรื่องเชิงสร้างสรรค์ ที่สามารถสร้างสังคมการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับข้อมูลนาฬิกา สร้างแรงบรรดาลใจให้กับคนที่ชื่นชอบนาฬิกามือใหม่ รวมถึงนักสะสมนาฬิกามือเก่า ขอบคุณที่มาเป็นส่วนนึง และร่วมแบ่งบันประสบการณ์ไปพร้อมๆกัน กับ Crazy Dial