สำรวจรายชื่อผู้เข้าชิงฝ่ายชายงานออสการ์แห่งโลกนาฬิกา “GPHG Awards 2022”

• Facebook
• Twitter
• Line

GRAND PRIX D’HORLOGERIE DE GENÈVE (GPHG) เปรียบเสมือนรางวัลออสการ์แห่งโลกนาฬิกาที่ทุกคนจับตามอง และนับจากวินาทีต่อจากนี้ไป ขอเชิญเหล่าวอร์ชเลิฟเวอร์ทั้งหลาย เข้าสู่งานประกาศรายชื่อนาฬิกาสาขาฝ่ายชาย ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล GPHG รอบแรกทุกประเภท ก่อนถูกตัดให้เหลือเพียงรายชื่อผู้เข้ารอบสุดท้าย จากนั้นคณะกรรมการจะตัดสินผู้ชนะในเดือนพฤศจิกายนว่า เรือนไหนจะเป็น เดอะ วินเนอร์ส ในปีนี้

╔════════════════╗
กดรับข่าวสารก่อนใครที่นี่
LINE : @crazydial
https://lin.ee/wKkm5PM
╚════════════════╝

ฝ่ายชายทั่วไป

สาขานี้ มีผู้ประกวดทั้งหมด 30 รายเข้ารอบแรกมา ซึ่งดูแล้วทั้งหมดยังไม่สุดทั้งในแง่เทคนิคและความคิดสร้างสรรค์มากนัก แต่มีอยู่ 8 แบรนด์ผ่านมาตรฐาน เข้าตา และน่าผ่านเข้ารอบไปชิงชัยกัน

• 1. Chopard รุ่น Alpine Eagle Cadence 8HF : สร้างเครื่องความถี่สูงระดับ 57,600 vph (ครั้ง/ชั่วโมง) หรือ 8 เฮิร์ตซ์ ทำให้มีความเที่ยงตรงสูง พร้อมขนาดตัวเรือนที่มีความสมดุล
• 2. Czapek รุ่น Antarctique Frozen Star S : โดดเด่นด้วยหน้าปัดที่ทำจากออสเมียม ซึ่งเป็นโลหะที่หายากที่สุดในโลก
• 3. Zenith รุ่น Calibre 135 Observatoire : กับความสำคัญทางประวัติศาสตร์เรื่องราวความแม่นยำอันน่าเหลือเชื่อ
• 4-5. Trilobe รุ่น Une Folle Journée Black Edition และ Louis Vuitton รุ่น Escale Spin Time :
  ต่างล้วนนำเสนอแนวคิดนวัตกรรมใหม่
• 6. Sylvain Pinaud รุ่น Origine : แสดงให้เห็นถึงการผลิตนาฬิกาคลาสสิกที่สวยงามและดีที่สุด
• 7. Parmigiani Fleurier รุ่น Tonda PF Micro Roter Steel : ปรับโฉมและเร่งภาพลักษณ์ของแบรนด์ เพิ่มการยอมรับได้มากขึ้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
• 8. Atelier AKRIVIA รุ่น Chronomètre Contemporain II ทีมของ Rexhep Rexhepi สร้างสรรค์หน้าปัดเล็ก ทำหน้าที่แสดงวินาทีแบบ Deadbeat Second และหน้าปัดเคลือบ Enamel สองชั้นได้อย่างสวยงามไร้ที่ติ

ฝ่ายชายสาย Complication

จากจำนวนผู้เข้าประกวด 16 แบรนด์ และสองถึงสามแบรนด์ติดกลไกทูร์บิญองมาด้วย จึงอาจไม่ค่อยแฟร์เท่าไรนักเมื่อเปรียบเชิงกัน

 

โดยหนึ่งในสาม คือ CODE 11.59 Tourbillon Openworked เรือนสีน้ำเงินจาก Audemars Piguet ที่จะแอบปล่อยของออกมาเดือนกันยายนนี้ ถือเป็นเรือนเวลาระดับท็อปที่รู้หน้ารู้ตา รู้ข่าว รู้ราคา ไว้ก็ดี แม้จะไม่ Complication สายตรงจ๋าก็ตาม

 

ดังนั้นหากนับประเภทสายเลือดตรงแบบไม่ฮาฟ จึงเหลือแค่เพียง 3 รุ่น 3 แบรนด์ คือ
Hermès รุ่น Arceau Le Temps Voyageur worldtimer, Singer Reimagined รุ่น Flytrack Barista และ Parmigiani Fleurier รุ่น Tonda PF GMT Rattrapante ที่น่าจะเป็นม้าตีนปลาย เบียดกัน เข้าเส้นชัย ไปสู่ตำแหน่งชนะเลิศ

ฝ่ายชายสาย Iconic

นับเป็นรางวัลความสำเร็จไปตลอดกาลหากใครคว้าไป และคณะกรรมการต้องตัดสินใจ ว่าเวลานี้ใครคือคุณค่าที่คู่ควร และสมเหตุสมผลมากพอที่จะแนะนำให้คนทั้งโลกได้รู้จัก ไม่ว่าจะเป็น Breitling’s Navitimer B01 Chronograph 43, Girard-Perregaux รุ่น Casquette 2.0, Zenith รุ่น Defy Revival A3642, IWC รุ่น Big Pilot 43 และ TAG Heuer รุ่น Monaco Gulf Edition

ฝ่ายชายสาย Tourbillon

จัดเป็น กรุ๊ป ออฟ เดธ เพราะมีทั้งทูร์บิญองบางเฉียบรุ่น Tambour Curve Flying Tourbillon “Poinçon de Genève” จาก Louis Vuitton แต่พร้อมสวนกลับด้วยขนาดใหญ่พิเศษของ Montres KF ในขณะที่ H. Moser & Cie มีดีพร้อมชน ด้วยดีไซน์การใส่แฮร์สปริงทรงกลมไว้ภายใน อย่างไรก็ตามไม่อาจมองข้ามขุมพลังกลไกสร้างแรงคงที่รีมอนแทร์ (Remontoir Mechanisms) จากทั้ง IWC และ Grand Seiko ไปได้

ฝ่ายชายสายปฏิทินและดาราศาสตร์

สาขานี้เต็มไปด้วยเรือนเวลาน่าตะลึงทั้งสิ้น ไล่ไปตั้งแต่ ระบบ Rubies Chain ของ Behrens Perigee และ Krayon Anywhere ที่สามารถบอกช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ทุกแห่งในโลก ในขณะที่ Xushu Ma ผู้ผลิตนาฬิกาจีน โชว์ความซับซ้อนอย่างน่าทึ่งของปฏิทินจีนพร้อมรายละเอียดการแสดงผลอีกถึงหกฟังก์ชั่นหลัก

 

ขยับมาที่ตัวเด่นของสายนั่นคือ Dominique Renaud รุ่น Tempus Fugit ว่ากันว่านี่คือนาฬิกาปฏิทินถาวรของโลก ที่ซับซ้อนที่สุด ณ วินาทีนี้

 

เจ้านี่สามารถแสดงปีปฏิทินสูงสุดถึง 9999 ปี เหนือจินตนาการไปกว่านั้น คือการดีไซน์พลังงานสำรอง ที่ไม่ใช่ใช้กับตัวเรือน แต่เป็นพลังชีวิตคงเหลือตามอายุขัย ประมวลผลผ่านอัลกอริทึมที่ได้รวบรวมความเสี่ยงต่างๆ ผลจากความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะด้านสภาพแวดล้อม สรีรวิทยา และจีโนม มารวมไว้นอกจากนี้ยังฝังชิพรหัสดีเอ็นเอและ “ข้อความลับ” ที่จะเปิดเผยได้ก็ต่อเมื่อพลังงานสำรองของเจ้าของผู้สวมใส่หมดลงเท่านั้น

ฝ่ายชายสายกลไก

สาขามาตรฐานสูงสุดของการผลิตนาฬิกาในปัจจุบัน เริ่มจาก Bovet 1822 รุ่น Récital 20 Astérium โชว์ของด้วยแผนที่ดาราศาสตร์ ปฏิทินดาวฤกษ์ ประจำปี กลไกทูร์บิญอง สมการของเวลาและการบ่งชี้กลางวัน/กลางคืน และไม่อาจปล่อยผ่าน Bulgari รุ่น Octo Finissimo Ultra 10th Anniversary ซึ่งบางที่สุดเป็นอันดับสองของโลก

 

ด้าน Jacob & Co. รุ่น high-beat Jean Bugatti นำเสนอรูปแบบโครโนกราฟที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ผ่านการแสดงค่าแบบ ‘Retrograde’ (เรโทรเกรด) อันเป็นลักษณะเข็มที่กวาดไปจนสุดขอบมาตรแล้วตีย้อนกลับมาเริ่มใหม่ยังตำแหน่งเริ่มต้น ระดับเป็นเวลาวินาทีและ 1/10 วินาที และกลไกทูร์บิญองแบบคู่

 

ในระดับกลไกเท่าเทียมกัน ยังมีตัวเลือกน่าสนใจทั้ง Ulysse Nardin รุ่น Freak S นาฬิกาอัตโนมัติเรือนแรก ที่มีจักรลอกส่งแรง Escapement แบบคู่สองขนาดเชื่อมต่อกัน และ Frederique Constant รุ่น Slimline Monolithic กับความถี่ 40Hz เร็วกว่านาฬิกาทั่วไปถึงสิบเท่า กำเนิดจากซิลิกอนออสซิลเลเตอร์เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น

ฝ่ายชายสายโครโนกราฟ

เป็นการต่อสู้ระหว่างสามตัวเต็ง ได้แก่ Czapek รุ่น Antarctique Rattrapante Ice Blue ที่เป็นลักษณะ Open dial และตัวที่สองและสามคือ Grönefeld รุ่น 1941 Grönograaf และ MB&F รุ่น Legacy Machine Sequential EVO เบียดกันในฐานะโครโนกราฟเปี่ยมฟังก์ชั่น และซับซ้อนที่สุดเท่าที่โลกนาฬิกาสายนี้เคยมีมา

• Facebook
• Twitter
• Line