ยุคใหม่ในประวัติศาสตร์ของ Grand Seiko เริ่มต้นขึ้นแล้วด้วยนาฬิกา สปริงไดรฟ์ U.F.A.

Watch Update

การแสวงหาความแม่นยำระดับสูง เป็นรากฐานของค่านิยมแห่ง Grand Seiko มาตั้งแต่นาฬิการุ่นแรกที่สร้างขึ้นในปี 1960 โดยในอีกไม่ถึง 10 ปีให้หลัง Grand Seiko ก็ได้นำเสนอกลไกจักรกล V.F.A. ซึ่งย่อมาจาก “Very Fine Adjusted” (เวรี ไฟน์ แอดจัสเต็ด) ที่แปลว่า การปรับตั้งความแม่นยำอย่างละเอียดมาก ๆ ซึ่งถูกใช้ครั้งแรกในปี 1969 เพื่อบ่งบอกถึงนาฬิกาที่ได้รับการปรับแต่งด้วยความชำนาญจนสามารถให้อัตราความแม่นยำได้อย่างน่าทึ่งถึงระดับไม่เกิน 1 นาทีต่อเดือน ล่วงมาถึงปลายทศวรรษ 1970s การพัฒนากลไก สปริงไดรฟ์ ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยจุดมุ่งหมายที่จะผสมผสานระบบการให้พลังงานแบบดั้งเดิมด้วยสปริงลาน เข้ากับความก้าวหน้าของการผลิตนาฬิกาอิเล็กทรอนิกลํ้าสมัยได้อย่างกลมกลืน และในปี 2004 Grand Seiko ก็ได้เปิดตัวกลไก สปริงไดรฟ์ คาลิเบอร์ 9R65 ที่จับคู่การขึ้นลานแบบอัตโนมัติที่ให้พลังงานสำรองได้ถึง 72 ชั่วโมง เข้ากับเทคโนโลยีที่ทำให้สามารถมอบอัตราความแม่นยำได้ถึงระดับไม่เกิน 15 วินาทีต่อเดือน อันเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับกลไกที่ขับเคลื่อนด้วยสปริงลาน

วันนี้ มรดกแห่งความแม่นยำในการสร้างนาฬิกาได้ก้าวขึ้นสู่ระดับใหม่ด้วยการเปิดตัวกลไก สปริงไดรฟ์ คาลิเบอร์ 9RB2 ซึ่งได้รับการรับรองด้วยเกณฑ์มาตรฐานใหม่ U.F.A. ที่ย่อมาจาก “Ultra Fine Accuracy” (อัลตรา ไฟน์ แอคคิวเรซี) ซึ่งแปลว่า “ความแม่นยำระดับสูงเป็นพิเศษ” กลไกสุดลํ้านี้มอบความแม่นยำในระดับที่มิได้วัดเป็นวินาทีต่อวัน ต่อสัปดาห์ หรือต่อเดือน แต่วัดจากความแม่นยำตลอดระยะเวลา 1 ปี กลไกอัตโนมัติ U.F.A. คาลิเบอร์นี้ให้อัตราความแม่นยำในการทำงานต่อปีอย่างน่าทึ่งถึงระดับไม่เกิน 20 ณ ปัจจุบัน ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีข้อมือขนาดเล็ก วินาทีทำให้เป็นกลไกนาฬิกาข้อมือขับเคลื่อนด้วยสปริงลานที่ทำงานได้แม่นยำที่สุดในปัจจุบัน* และด้วยการออกแบบกลไกให้มีขนาดกะทัดรัด นาฬิการุ่นใหม่ที่บรรจุกลไกคาลิเบอร์นี้จึงใช้ตัวเรือนที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 37 มิลลิเมตรทำให้เป็นรุ่นที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดานาฬิกากลไกซีรี่ส์ 9R ณ ปัจจุบันซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีข้อมือขนาดเล็ก

*ข้อมูลณเดือนเมษายน 2025 อ้างอิงจากการค้นคว้าของ Grand Seiko

คาลิเบอร์9RB2 เปิดตัวครั้งแรกด้วยนาฬิกา2รุ่นจากคอลเลกชั่นEvolution9 (เอโวลูชั่นไนน์) ได้แก่รุ่นตัวเรือนไทเทเนียมความหนาแน่นสูง(บน) ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าสเตนเลสสตีลประมาณ 30% และรุ่นตัวเรือนแพลทินัม 950

คาลิเบอร์ 9RB2 เจเนอเรชั่นต่อไปของกลไกสปริงไดรฟ์

บนโรเตอร์มีการสลักข้อความว่า “SPRINGDRIVE ULTRAFINE ACCURACY” (สปริงไดรฟ์อัลตราไฟน์แอคคิวเรซี)

กลไกคาลิเบอร์ใหม่นี้ให้ความแม่นยำถึงระดับไม่เกิน20วินาทีต่อปีอันเป็นผลมาจากการใช้วิธีและกระบวนการการผลิตแบบใหม่ที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นจากการใช้ควอตซ์ออสซิลเลเตอร์ที่ถูกบ่มเป็นเวลา3เดือนและการออกแบบวงจรรวมขึ้นมาใหม่อีกทั้งความถี่ของควอตซ์ออสซิลเลเตอร์แต่ละชิ้นจะถูกวัดที่อุณหภูมิแตกต่างกันหลายระดับโดยข้อมูลผลลัพธ์ที่จำเป็นสําหรับการชดเชยอุณหภูมิถูกตั้งโปรแกรมไว้ที่วงจรรวมชนิดใช้พลังงานต่ำเช่นเดียวกับกลไกสปริงไดรฟ์ซีรี่ส์ 9RA ทั้งออสซิลเลเตอร์และเซ็นเซอร์ถูกผนึกแบบสุญญากาศเพื่อลดความแตกต่างของอุณหภูมิและป้องกันผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆเช่นความชื้นไฟฟ้าสถิตและแสงจึงสามารถปรับตั้งอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำและทำให้ควอตซ์ออสซิลเลเตอร์มีประสิทธิภาพและมีความเสถียรอีกทั้งกลไกคาลิเบอร์ใหม่นี้ยังเป็นครั้งแรกที่กลไกสปริงไดรฟ์มีสวิตช์ควบคุมซึ่งสามารถปรับตั้งได้เมื่อทำการซ่อมบำรุงเพื่อปรับระดับความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อนาฬิกาถูกใช้งานมาเป็นเวลานาน

ความสวยงามของกลไกเผยให้เห็นผ่านฝาหลังกรุกระจกแซพไฟร์โดยสร้างความแวววาวด้วยพื้นผิวที่ถูกขัดเงาดุจกระจกบนแนวลาดของส่วนขอบดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของ ชินชู วอทช์ สตูดิโอ อันเป็นแหล่งผลิตนาฬิการุ่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความงามอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของญี่ปุ่นที่โดดเด่นด้วยเสน่ห์ของความสง่างามอย่างเรียบง่าย ชิ้นทับทิมที่ปรากฎเปรียบเสมือนดวงดาวที่เปล่งประกายระยิบระยับอยู่เหนือภูเขาในช่วงต้นฤดูหนาว ขณะที่พื้นผิวกลไกซึ่งถูกตกแต่งอย่างละเอียดอ่อนนั้นสะท้อนถึงน้ำค้างแข็งในฤดูหนาวที่ปกคลุมเหล่าต้นไม้ในชินชูซึ่งเป็นแหล่งผลิตนาฬิกา Grand Seiko กลไกสปริงไดรฟ์ทุกเรือน

 

เก็บภาพความงามของป่าน้ำแข็งในชินชู

ทางทิศตะวันออกของ ชินชู วอทซ์ สตูดิโอ คือ ที่ราบสูง คิริกามิเนะ ซึ่งสามารถพบเห็นเหล่าต้นไม้ที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งได้ในช่วงฤดูหนาว ลายผิวอันประณีตบนหน้าปัดของทั้ง 2 รุ่น จับภาพความงามของป่าน้ำแข็งแห่งนี้ด้วยเทคนิคการตกแต่งหลายชนิดร่วมกันสร้างสรรค์ให้เกิดโทนสีฟ้าอ่อนที่ดูละเมียดละไมสะดุดตา หน้าปัดของรุ่นตัวเรือนไทเทเนียมจะมากับสีฟ้าอมเงิน ชวนให้นึกถึงป่าน้ำแข็งที่มองเห็นในอากาศที่สดใส พร้อมเสริมเสน่ห์ด้วยเข็มวินาทีที่ผ่านการให้อุณหภูมิสูงจนเกิดเป็นสีน้ำเงิน ส่วนรุ่นตัวเรือนแพลทินัม จะมากับหน้าปัดสีฟ้าในโทนที่เข้มกว่าเล็กน้อย นำมาซึ่งการเป็นฉากหลังสุดประณีตให้กับการเคลื่อนไหวอันราบรื่นของเข็มวินาทีสีเงิน

นาฬิกาทั้ง 2 รุ่น ถูกบรรจุไว้ในคอลเลกชั่น Evolution 9 ซึ่งใช้ดีไซน์ที่เป็นการสานต่อดีไซน์ที่เป็นการสานต่อดีไซน์แบบแกรนด์ไซโก สไตล์ อันมีที่มาจากรุ่น 44GS อันโด่งดังในปี 1967 เข็มและหลักชั่วโมงแบบเซาะร่องที่มีความโดดเด่นสูงของดีไซน์แบบ เอโวลูชั่น ไนน์ สไตล์ ทำให้อ่านค่าได้อย่างชัดเจน พื้นผิวตัวเรือนถูกขับเน้นความงดงามจากการขัดเงาด้วยเทคนิคซารัตสึ เอกลักษณ์ของ Grand Seiko ซึ่งทำให้เกิดความเงาดุจกระจกที่ปราศจากการบิดเบือนของภาพสะท้อน สลับกับการตกแต่งด้วยการขัดลายแบบแฮร์ไลน์เพื่อมอบประกายที่กลมกล่อม ตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 37 มิลลิเมตร ถูกออกแบบให้เกิดความสบายในการสวมใส่เป็นพิเศษด้วยการมีจุดศูนย์ถ่วงตํ่า ในขณะที่สายถูกออกแบบให้มีความหนาที่เหมาะสมและมีความกว้างที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของขนาดตัวเรือน ทำให้เกิดความสมดุลและสวมใส่ได้พอดีกับข้อมือ โดยรุ่นตัวเรือนแพลทินัม 950 นั้นมาพร้อมกับสายหนังจระเข้ ขณะที่รุ่นตัวเรือนไทเทเนียมมาคู่กับสายไทเทเนียมพร้อมตัวล็อกที่พัฒนาขึ้นใหม่ให้สามารถปรับตั้งได้อย่างละเอียดถึง 3 ระดับในช่วงระยะละ 2 มิลลิเมตร โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือใด ๆ จึงสามารถปรับขนาดให้กระชับพอดีกับข้อมือได้มากขึ้นเพื่อเพิ่มความสบายในขณะสวมใส่

 

นาฬิกาทั้ง 2 รุ่นจะพร้อมจำหน่ายในเดือนมิถุนายน 2025 โดยรุ่นตัวเรือนแพลทินัม 950 เป็นการผลิตแบบ ลิมิเต็ด เอดิชั่น ที่จำกัดจำนวนไว้เพียง 80 เรือน โดยจะมีจำหน่ายที่ แกรนด์ ไซโก บูติก เท่านั้น ส่วนรุ่นตัวเรือนไทเทเนียมความหนาแน่นสูง จะมีจำหน่ายทั้งที่ แกรนด์ ไซโก บูติก และตัวแทนจำหน่ายหลายแห่งทั่วโลก

#GrandSeiko #GrandSeikoThailand #SpringDriveUFA #SLGB001 #SLGB003 #CrazyDial #CrazyDialOfficial #WatchUpdate

 

 

 


ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของแวดวงนาฬิกาได้ที่นี่…

Crazy Dial – The Watch Community

Line : @crazydial

Instagram : crazydial.official

Facebook : crazydial.official

Website : www.crazy-dial.com

Youtube : Crazy Dial Official

Tiktok : crazydial