หน้าปัด Moon Phase Complication หรือเรือนเวลาบอกการโคจรดวงจันทร์ ข้างขึ้น ข้างแรม เปรียบผู้รังสรรค์ดั่งกวีและวิศวกรเวลา หรือทั้งสองอย่างในคนเดียว เนื่องสามารถทำหัตถดีไซน์ ได้ออกมาอย่างงดงามหลากหลาย กลายเป็นความคลาสสิกสำหรับโลกเวลาหรู ได้อย่างน่าหลงใหล
╔════════════════╗
กดรับข่าวสารก่อนใครที่นี่
LINE : @crazydial
https://lin.ee/wKkm5PM
╚════════════════╝
พระจันทร์ดวงเล็กและใหญ่
ในแง่ของความแปลกใหม่ตระการตา ต้องโค้งคำนับให้แด่แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติอังกฤษ Arnold & Son ภายใต้งานดีไซน์ ‘Perpetual Moon’ บันดาลให้พระจันทร์เต็มดวงขนาดใหญ่ กินพื้นที่ถึงสามส่วน แปรเปลี่ยนหน้าปัดเป็นฉากท้องฟ้ายามค่ำคืน พร้อมผลัก ฟังก์ชันการบอกเวลา นาที และวินาที ไปทำหน้าที่แค่กระซิบเตือนเบาๆ ว่าเจ้าจันทร์เพ็ญฉายนั้นงามเหลือล้น อยู่ทุกโมงยาม เมื่อเหลียวมอง
พระจันทร์สามมิติ
ไม่เท่านี้ Arnold & Son บริษัทนาฬิกาหรูผู้มีฐานการผลิตอยู่ที่ La Chaux-de-Fonds สวิสเซอร์แลนด์ ยังได้รังสรรค์จันทร์เพ็ญที่ต่างไปจาก Perpetual Moon อย่างสิ้นเชิง ในรุ่น Luna Magna ผ่านการนำเสนอแนวใหม่ โลกตะลึง ของฟังก์ชันข้างขึ้น-ข้างแรมแบบ 3 มิติที่สวยงาม โดยบรรจุดวงจันทร์ย่อส่วน แบ่งครึ่งซีกเป็นด้านสว่างและด้านมืด ผลิตจากหินอ่อนและหินอเวนเจอรีน ตรงหน้าปัดตำแหน่ง 6 นาฬิกา แบ่งครึ่งซีกเป็นด้านสว่างและด้านมืด ทั้งยังสามารถบอกเวลาได้อย่างแม่นยำ มีอัตราคลาดเคลื่อนเพียง 1 วัน ในรอบ 122 ปี เท่านั้น
พระจันทร์ De Bethune
พระจันทร์สามมิติ การผสมผสานวัสดุ และสุดยอดความแม่นยำ เป็นสิ่งที่ Arnold & Son แบ่งปันให้กับพระจันทร์ของ De Bethune อีกแบรนด์ดังถิ่นสวิสสายหัวก้าวหน้า (แง่ดีไซน์และวิศวกรรมเวลา) จึงเกิดเป็นดวงจันทร์ย่อส่วนสไตล์อาวอง-การ์ด ผ่านความงามร่วมสมัย ตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกาโดยผลิตขึ้นจากสองวัสดุระหว่าง แพลเลเดียมพร้อมขอบสตีลสีน้ำเงิน เป็นการผสมผสานที่เอกลักษณ์แห่งความทันสมัยและความดั้งเดิมของ De Bethune เป็นอย่างดี
พระจันทร์บทกวี
ขยับมาที่แบรนด์อิสระคลาสดี อินดี้ มีชั้นเชิงงานดีไซน์ อย่าง H. Moser & Cie. ถามว่าดวงจันทร์ของแบรนด์นี้อยู่ในกลุ่มเดียวกันหรือไม่ คำตอบคือทั้งใช่และไม่ใช่ เพราะ H. Moser & Cie ก็เหมือนกับ Arnold & Son และ De Bethune ที่เป็นแบรนด์อิสระเพราะในรุ่น Endeavour Perpetual Moon เป็นอะไรที่ชัดเจนขึ้นในแนวทางมินิมัล เกิดเป็นพระจันทร์สีเงินแสดงข้างขึ้นอย่างงดงามผสานเป็นหนึ่ง กับนภาหน้าปัดหินอเวนเจอรีนสีดำ ท่ามกลางดาวระยิบพราว ภายใต้ช่องหน้าต่างอันได้สัดส่วนและกลมกลืน
พระจันทร์ดวงเดิม
Rolex, Patek Philippe และ Audemars Piguet เป็นสามแบรนด์บิ๊กเนม หัวอนุรักษ์ในการรังสรรค์พระจันทร์ดวงเดิมอย่างไม่เคยเปลี่ยนมาโดยตลอด และมองว่ารูปแบบ Moon Phase Complication เป็นเรือนรุ่นเวลาพิเศษมากกว่าจะแปรเปลี่ยนหน้าตาดีไซน์ไป
ตัวอย่าง Cellini Moonphase ของ Rolex ประดับพระจันทร์เต็มดวง หมู่ดาว และอุกาบาต บนหน้าปัด Enamel สีน้ำเงิน ตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกา โคจรหนึ่งรอบผ่าน มีตัวชี้วัดที่ 12 นาฬิกา ที่ ณ ตอนนี้กลายเป็นของหายาก เป็นที่หมายปองของเหล่านักสะสมเป็นที่เรียบร้อยเสียแล้ว
ด้าน Audemars Piguet และ Patek Philippe จัดให้ขึ้นหิ้งอยู่แล้ว พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องรังสรรค์พระจันทร์ดวงใหม่ หรือออกตัวโชว์เหนือด้านรายละเอียดเชิงวิศวกรรมเวลาแต่อย่างใด แต่ก็มีพระจันทร์ดวงเดิมให้เห็นใน Royal Oak ของ Audemars Piguet (ยกเว้น Royal Oak Offshore) และในซีรี่ส์ ‘Grande Complications’ ของ Patek Philippe
พระจันทร์ดวงจริงจาก Louis Moinet
จะมีอะไรดีไปกว่าการเก็บเศษชิ้นส่วนดวงจันทร์จริงๆ อยู่ข้างกายไว้บนข้อมือ และนี้คือที่ Louis Moinet ทำให้เกิดขึ้นจริง โดยการนำเศษชิ้นส่วนดวงจันทร์ มาอัดเข้ากับหน้าปัด บนเลย์เอาท์คล้ายคลึงกับ Audemars Piguet และ Patek Philippe และสิ่งที่ Louis Moinet ทำให้โลกเวลาหรูได้รู้ว่า บางทีรูปแบบ Complication ไม่จำเป็นต้องแยกจากกัน แต่สามารถผสานเป็นหนึ่งเดียวบนตัวเรือนทั้งหมดได้
Crazy Dial มีเป้าหมายที่จะเป็น Creative StoryTelling สื่อเน้นการเล่าเรื่องเชิงสร้างสรรค์ ที่สามารถสร้างสังคมการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับข้อมูลนาฬิกา สร้างแรงบรรดาลใจให้กับคนที่ชื่นชอบนาฬิกามือใหม่ รวมถึงนักสะสมนาฬิกามือเก่า ขอบคุณที่มาเป็นส่วนนึง และร่วมแบ่งบันประสบการณ์ไปพร้อมๆกัน กับ Crazy Dial