ส่องสายพานปริมาณการผลิตนาฬิกาแบรนด์หรู

เมื่อตัดสินใจเลือกซื้อหานาฬิกาสักเรือน ประเด็นเรื่องบุคลิกและดีไซน์ระบบกลไกการทำงาน ความประณีตในการผลิต ความชื่นชอบแบรนด์เฉพาะบุคคล หรือความหายาก มักเป็นปัจจัยที่ทำให้นาฬิกาเรือนนั้นๆ ถูกเลือกเข้าลิสต์ที่หมายตา โดยเฉพาะเมื่อได้รู้จำนวนของการผลิตของนาฬิกาแต่ละยี่ห้อในแต่ละปีหรือที่มีอยู่ในโลก ซึ่งจุดนี้ส่งผลต่อมูลค่าของนาฬิกาในอนาคต ก็ยิ่งทำให้ต้องเทความสนใจเพิ่มขึ้น

╔════════════════╗
กดรับข่าวสารก่อนใครที่นี่
LINE : @crazydial
https://lin.ee/wKkm5PM
╚════════════════╝

Crazy Dial พาคุณไปส่องสายพานในโรงงานผลิตนาฬิกาแบรนด์หรูกันว่า แต่ละแบรนด์ผลิตเรือนเวลาส่งมอบให้กับชาวโลกปีละเท่าไหร่

Rolex

Rolex ก่อตั้งโดย Hans Wilsdorf และ Alfred Davis ปัจจุบันบริหารงานโดย Hans Wilsdorf Foundation ซึ่งเป็นองค์กรของตระกูล จึงยากยิ่งที่จะล้วงลึกข้อมูลการผลิตของบริษัท แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านนาฬิกาก็พอคำนวณยอดการผลิตของ Rolex แต่ละปีได้จากการออกใบรับรองการผ่านมาตรฐานการรับรองระดับความเที่ยงตรงในการทำงานของนาฬิกาจักรกลของ COSC (Contrôle Officiel Suisse des Chronomètres) ในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งในปี 2015 ก่อนยุคที่ COSC จะเลิกเปิดเผยชื่อยี่ห้อนาฬิกาที่ผ่านการขอใบรับรอง Chronometer ในแต่ละปี Rolex มีนาฬิกาที่ได้รับการรับรองจาก COSC จำนวน 795,716 เรือน และหลังจากนั้นตัวเลข 800,000 เรือนก็กลายมาเป็นยอดการผลิตต่อปีโดยประมาณของนาฬิกาหรูแบรนด์นี้เสมอมา

หากเทียบยอดการผลิตต่อปีกับแบรนด์นาฬิกาหรูรายต่อๆ มาที่เราจะเล่าถึงต่อไป Rolex อาจห่างไกลคำว่าหายากอยู่ไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นนักสะสมย่อมรู้ว่ายังมีปัจจัยอื่นอีกมากมายที่เป็นตัวเสริมคุณค่าและมูลค่าของนาฬิกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาประมูล ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผลิตของรุ่น ที่มาของการผลิต หรือใครเคยเป็นเจ้าของ ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่าง Rolex Daytona ที่แต่ละปีผลิตเป็นหลักหมื่น เมื่อปี 2017 Rolex Daytona ที่เคยเป็นของ Paul Newman (1968) ดาราและนักแข่งรถ ก็ได้ชื่อว่าเป็นนาฬิกาที่ได้รับการประมูลสูงสุดด้วยมูลค่ารวมถึง 17.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯทีเดียว

Omega

Omega ก้าวเข้ามามีจุดยืนในหน้าประวัติศาสตร์นาฬิกาหรูอย่างชัดเจนและยาวนานเช่นเดียวกับ Rolex ไม่ว่าจะเป็นการได้รับเลือกให้เป็นนาฬิกาที่นักบินอวกาศบนยานอพอลโลสวมใส่ การเข้าไปเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการในการจับเวลาการแข่งขันโอลิมปิกมาตั้งแต่ปี 1932 (และมีสัญญายาวถึงปี 2032) หรือการไปปรากฏตัวบนข้อมือไอคอนต่างๆ อย่างสายลับเจมส์ บอนด์ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องคาดเดากันเลยว่า Omega จะเป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมแค่ไหน ดูได้จากยอดผลิตที่เพิ่มขึ้นปีละไม่น้อย ล่าสุดคาดกันว่าอยู่ที่ปีละกว่า 730,000 เรือน

Patek Philippe

ในแคมเปญหนึ่งของ Patek Philippe ระบุไว้ว่า ‘เราไม่ได้เป็นเจ้าของ Patek Philippe แต่เราทำหน้าที่ดูแลรักษานาฬิกาไว้เพื่อส่งต่อให้ลูกหลาน’ การมองนาฬิกาเป็นมรดกล้ำค่าที่เก็บไว้มอบแก่คนในรุ่นต่อไปนั้น ตอกย้ำถึงความมั่นใจในคุณค่าของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องคุณภาพ ความประณีตในการผลิต ความคงทน รวมถึงมูลค่า ซึ่งประเด็นหลังได้รับการยืนยันแบบชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา ในงานการกุศลที่เกิดขึ้น ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อ Patek Philippe รุ่น Grandmaster Chime Ref. 6300A-010 ได้รับการเคาะขายไปที่ 31 ล้านเหรียญสหรัฐ แซง Rolex Daytona ของพอล นิวแมน ที่ถูกประมูลในปี 2017 ขึ้นมาเป็นนาฬิกาที่แพงเป็นอันดับต้นของโลกทันที

ส่วนยอดการผลิตต่อปีของ Patek Philippe มีการประเมินล่าสุดเมื่อปี 2018* อยู่ที่ 62,000 เรือน

Audemars Piguet

ชื่อของ Audemars Piguet เป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มผู้นิยมนาฬิกาสวิส ไม่ว่าจะเป็นความประณีตในการผลิต หรือเรื่องการคิดค้นกลไกต่างๆ ในปี 1972 Audemars Piguet ได้กลายมาเป็นที่สนใจของผู้คนในวงกว้างมากขึ้น เมื่อเปิดตัวนาฬิการุ่น Royal Oak นาฬิกาข้อมือแบรนด์หรูสายสปอร์ตรุ่นแรกๆ ของโลก หลายคนบอกว่าการปรากฏตัวของ Royal Oak คล้ายเป็นการเชื่อมต่อโลกของนาฬิกาหรู กลไกซับซ้อนมาสู่การเป็นนาฬิกาที่จับต้องได้มากขึ้น และดูเหมือนว่าความนิยมนั้นจะยาวนานเสียด้วย เมื่อ Audemars Piguet ผลิต Royal Oak Offshore ขึ้นในปี 1993 เพื่อฉลองครบรอบ 20 ปีของ Royal Oak ชื่อของ OffShore ก็กลายเป็นที่นิยมของคนดังในหลายแวดวง

ขณะที่ในปีที่ผ่านมา นักสะสมในเมืองไทยก็ได้ฮือฮากันอีกครั้ง เมื่อ Audemars Piguet ได้จัดทำ Royal Oak Perpetual Calendar Thailand Limited Edition ออกมา แม้ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ Audemars Piguet จัดทำนาฬิการุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นสำหรับแฟนไทย แต่ยอดผลิตแค่ 20 เรือน ในจำนวนการผลิต 40,000 เรือนต่อปีของ Audemars Piguet ก็ล่อใจไม่น้อยทีเดียว

Panerai

แม้ Officine Panerai ที่ก่อตั้งบริษัทขึ้นเมื่อปี 1860 จะมีจุดเริ่มต้นจากการผลิตนาฬิกาให้กองทัพเรืออิตาลีมานับร้อยปี แต่หลังจากหมดสัญญาและก้าวมาสู่โลกธุรกิจในปี 1993-1994 Panerai ก็กลายมาเป็นชื่อที่นักสะสมต้องการมากที่สุดอีกแบรนด์หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น Panerai Radiomir ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นสืบเนื่องมาจากยุคที่ผลิตให้กองทัพ หรือเป็นนาฬิการุ่นที่ Panerai ทำร่วมกับแบรนด์อื่นอย่าง Ferrari มีการประเมินกันว่า ในแต่ละปี Panerai ผลิตนาฬิกาออกสู่ตลาดโลกราว 45,000 – 60,000 เรือน

Vacheron Constantin

เอ่ยถึงนาฬิกาแบรนด์หรูที่ผลิตออกมาในแต่ละปีด้วยจำนวนไม่มากนัก ชื่อของ Vacheron Constantin นาฬิกาสัญชาติสวิส ย่อมเป็นอีกชื่อหนึ่งที่หลายคนนึกถึง นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตนาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดเจ้าหนึ่งของโลกแล้ว ตัวเลขการผลิตทั้งนาฬิกาพกและนาฬิกาข้อมือที่ 20,000 เรือนต่อปี ยิ่งทำให้ Vacheron Constantin เป็นชื่อที่หอมหวนในกลุ่มผู้นิยมเพิ่มขึ้นไปอีก

Richard Mille

และเมื่อเอ่ยถึงนาฬิกาหรูที่มียอดผลิตจำกัดต่อปี จะไม่เอ่ยถึงชื่อของ Richard Mille ก็คงไม่ได้ แม้จะมียอดขายปีละเกือบพันล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่รู้หรือไม่ว่า Richard Mille มียอดผลิตต่อปีแค่ราว 3,000–4,000 เรือนเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะด้วยกลไกชั้นเยี่ยมที่ใช้เวลาหลายร้อยชั่วโมงในการประกอบเข้าด้วยกัน วัสดุที่ใช้ในการผลิตที่เทียบเท่ากับวัสดุที่ใช้ในรถสูตรหนึ่ง (หรือแม้แต่ยานอวกาศ) ทำให้ราคาเริ่มต้นที่หลักหลายแสนเหรียญสหรัฐฯของนาฬิกาซึ่งมีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าป่องกลางโดดเด่นเป็นสัญลักษณ์แบรนด์นี้ดูคุ้มค่าขึ้นมาทันตา ยิ่งเป็นรุ่นที่ Richard Mille ร่วมสร้างสรรค์กับคนดังด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความหายาก เช่น RM035 Americas – Rafael Nadal ที่มีเพียง 50 เรือน หรือจะเป็นรุ่น RM56-02 ที่ขายหมดเกลี้ยงหลังจากเปิดตัวไม่นาน และมีราคาถึงเรือนละ 2.02 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราวเจ็ดสิบล้านบาท อย่างที่บอก ยอดแค่ราว 4,000 เรือนต่อปี ไม่ใช่ปัญหาสำหรับมูลค่าการตลาดปีละนับพันล้านเหรียญของ Richard Mille แต่อย่างใด

เพราะหายากจึงมีคุณค่า ส่วนความหายากจนต้องยืมเพื่อนมาใส่ คุณค่าของนาฬิกาจะเปลี่ยนไปไหม อันนี้…แล้วแต่จะคิดกันไป

หมายเหตุ

2018* : เนื่องจากตัวเลขที่เกี่ยวเนื่องกับยอดการผลิตในปีก่อนหน้ามักจะได้รับการเปิดเผยในช่วงครึ่งหลังของปีถัดไป ด้วยเหตุนี้ตัวเลขล่าสุดของปี 2019 จึงยังไม่ปรากฏ