Edouard Koehn แบรนด์ใหม่ที่ชื่อไม่ใหม่

CrazyDial ได้รับโอกาสพิเศษจาก SHHPendulum ในการร่วม exclusive meeting with CEO อีกครั้ง โดยครั้งนี้เรามีโอกาสได้เจอบุคคลสำคัญในการ revive หรือเรียกว่าคืนชีพให้แบรนด์น้องใหม่ที่ชื่อไม่ใหม่อย่าง Edouard Koehn ซึ่งบุคคลสำคัญที่เราได้มีโอกาสพบนั้นก็คือ Mr. Bernard Fleury, CEO and Owner และ Mr. Timmy Tan, Watch Specialist

Mr. Bernard Fleury, CEO and Owner (ซ้าย) และ Mr. Timmy Tan, Watch Specialist (ขวา)

 

Mr. Bernard Fleury, CEO and Owner และสื่อมวลชนในงาน         

โดย Edouard Koehn (ค.ศ. 1839 – 1908) เป็นชื่อของช่างทำนาฬิกาชาวเยอรมัน โดยคุณพ่อเขาก็เป็นช่างทำนาฬิกาเช่นกัน เมื่ออายุ 20 ปี (ค.ศ. 1859) ก็เดินทางไปเรียนต่อที่ Ecole d’Horlogerie de Genève เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ และในปี 1861 ก็ได้ร่วมงานกับ Patek Philippe จนได้เป็นพาร์ทเนอร์ด้วยกันในปี 1875 ซึ่ง Edouard Koehn ได้ก่อตั้ง Edouard Koehn Successor to Ekegren ในปี 1891 โดยเน้นการสร้างสรรค์นาฬิกาแบบ Complication ไม่ว่าจะเป็น Split-seconds chronograph, chronometers, repeaters ต่างๆ และยังได้ผลิตให้กับ Tiffany & Co และ J.E. Caldwell ในสหรัฐอเมริกา แต่ชื่อของ Edouard Koehn ก็ดูอาจจะเลือนหายไปจากกับกาลเวลา

จนกระทั่งในปี 2020 Mr. Bernard Fleury ได้ทำการชุบชีวิตแบรนด์ Edouard Koehn ขึ้นมาอีกครั้ง โดยยังคงให้ความสำคัญในการสร้างสรรค์นาฬิกา Complication เหมือนเคย ซึ่งปัจจุบันนี้มี 2 คอลเลคชั่น

 

World Heritage I ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น world time บอกเวลา 24 เมืองหลวงผ่านแผ่นบอกเวลา 24 ชั่วโมงตรงกลาง และเข็มสีแดงจะเป็นฟังก์ชั่นการตั้งเวลาปลุก (alarm) โดยจะทำการสั่นปลุกได้ หน้าตาคลาสสิกหรูหรามาในวัสดุไทเทเนียมเกรด 5 ด้วยขนาด 42มม. ก็พอจะเข้าข้อชาวเอเชียได้อย่างดี หน้าปัด 3 สี และผลิตจำนวนจำกัดเพียง 88 เรือน/สีหน้าปัด กับค่าตัวประมาณ 330,000 บาท

World Heritage II กับฟังก์ชั่น Universal time บอกเวลาเมือง 24 เมืองสำคัญๆ และการตั้งเวลาปลุก (alarm) ที่โดดเด่นคือหน้าปัดสลักลายกิโยเช่ หรูหรา สวยงาม หน้าปัด 3 สีผลิตเพียง 88 เรือนทั่วโลกเช่นเดียวกันกับ World Heritage II กับค่าตัวประมาณ 350,000 บาท

 

Tempus I ฟังก์ชั่นโครโนกราฟขนาด 43 มม. ที่มีหน้าปัดให้เลือกอีก 3 รุ่นย่อย ได้แก่ Clous de Paris ที่เป็นหน้าปัดลายกิโยเช่ “Clous de Paris” ลายปิรามิด รุ่นที่ 2 คือ Squadron ที่ส่วนตัวทีมงานมองว่าหน้าตาดูสปอร์ตกว่า Clous de Paris และรุ่นย่อยสุดท้ายคือ หน้าปัด Skeleton โชว์กลไกภายในเครื่อง ทั้ง 3 รุ่นวัสดุเป็นสแตนเลสสตีลเคลือบด้วย Black PVD เข้ากับสายยางสีดำดูเหมือนกัน

Tempus II – Open Heart ฟังก์ชั่น Mono-pusher chronograph ที่มาพร้อมหน้าปัด Open heart โชว์ให้เห็นกลไกที่ 12 นาฬิกา ตัวเรือนเป็นสแตนเลสสตีล พร้อมขอบเซรามิค มีหน้าปัดให้เลือก 3 สี และแต่ละสีผลิตจำนวนจำกัดเพียง 30 เรือนเท่านั้น

เทียบกับความเป็น complication, จำนวนการผลิตที่เป็น limited edition ซึ่งถ้าทีมงานจำตัวเลขไม่ผิดคือผลิตเพียงแค่ปีละ 500 เรือน และราคาค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 3 แสนกว่าๆ ก็ถือว่าเป็นแบรนด์ที่น่าสนใจ ในอนาคตเราอาจจะเห็นราคาที่ขยับขึ้นไปอีกก็เป็นได้ ก็ต้องลองจับตาดูกันต่อไป ใครที่สนใจก็ลองไปชมตัวจริง ไปทาบข้อกันได้ที่ SHH Pendulum ชั้น M สยาม พารากอน นะครับ

#SHHPendulum #EdouardKoehn #IndependentWatch #CrazyDialOfficial #CrazyDial


ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของแวดวงนาฬิกาได้ที่นี่…

Crazy Dial – The Watch Community

Line : @crazydial

Instagram : crazydial.official

Facebook : crazydial.official

Website : www.crazy-dial.com

Youtube : Crazy Dial Official

Tiktok : crazydial